ตัดสินแล้ว คดีป้าทุบรถ สาวจอดรถขวางบ้านโดนโทษหนัก ปรับ 5 พัน จำคุก 15 วัน!

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1441/2561 ระหว่างพนักงานอัยการ โจทก์ เเละน.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ อายุ 57 ปี ,น.ส.มณีรัตน์ แสงภัทรโชติ (ผู้ใช้ขวานทุบรถ) อายุ 61 ปี โจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง น.ส.รชนีกร เลิศวาสนา อายุ 37 เป็นจำเลย ในความผิดฐานจอดรถกีดขวางทางเข้า-ออกอาคาร และก่อความเดือดร้อนรำคาญ

โดยวันนี้ น.ส.รัตนฉัตร, น.ส.มณีรัตน์ เดินทางมาศาลพร้อมด้วย นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ รวมทั้งฝ่ายจำเลย ที่เดินทางมาด้วยเช่นกัน

นายอนันต์ชัย เปิดเผยภายหลังมีคำพิพากษาว่า วันนี้ศาลจังหวัดพระโขนง พิพากษาว่าน.ส.รชนีกร จำเลยกระความผิดจริงตามฟ้อง โดยศาลวินิจฉัยในประเด็นสำคัญที่จำเลยอ้างว่าใช้เวลาจอดรถซื้อของเพียง 15 นาทีนั้น ทางฝ่ายโจทก์อ้างตัวเองเบิกความเป็นพยานว่า น.ส.รชนีกร จำเลย จอดรถขวางหน้าบ้านไม่สามารถนำรถออกได้ จึงบีบแตรใช้เวลานานถึง 30 นาที

หากจำเลยจอดรถใช้เวลาไม่นาน โจทก์คงไม่นำเสียมและขวานมาทุบกระจกรถของจำเลย จึงเชื่อว่าจำเลยจอดรถขวาง ใช้เวลาซื้อของตามความประสงค์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงสิทธิของบุคคลอื่น การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยเล็งเห็นผลต่อโจทก์ร่วมทั้งสอง อันเป็นการทำให้โจทก์ร่วมทั้งสองได้รับความเดือดร้อนรำคาญบนถนนสาธารณะ ซึ่งประชาชนชอบที่จะใช้สัญจรได้ ถือได้ว่าจำเลยได้กระทำในที่สาธารณสถาน

ทั้งเป็นการจอดรถตรงปากทางเข้าออกของอาคาร และในลักษณะกีดขวางการจราจร การกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามที่โจทก์ฟ้องตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มาตรา 57 (10) (15) และมาตรา 148 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 500 บาท

ส่วนความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง ผู้ใดกระทำด้วยประการใดๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ เป็นการกระทำในที่สาธารณสถานหรือต่อหน้าธารกำนัล จำคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับนั้น เป็นความเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องใช้กฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดลงโทษแก่จำเลยตามมาตรา 90 พนักงานสอบสวนจึงไม่มีอำนาจเปรียบเทียบปรับจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ เพื่อให้คดีเลิกกัน

เมื่อคดีนี้พนักงานสอบสวนไม่มีอำนาจลงบันทึกประจำวันเปรียบเทียบปรับเพื่อให้ความผิดทั้งหมดรวมทั้งโทษหนักกว่าเลิกกันได้

จำเลยจึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 วรรคสอง อันเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษ 397 วรรคสอง เป็นบทที่หนักที่สุดจำคุก 15 วัน และปรับ 5,000 บาท ศาลเห็นว่าจำเลยไม่ปรากฏเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้โอกาสจำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี

นายอนันต์ชัย ระบุอีกว่า ส่วนคดีหมายเลขดำที่ อ.3917/2561 ที่พนักงานอัยการศาลจังหวัดพระโขนง เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องน.ส.มณีรัตน์ เเละนน.ส.รัตนฉัตร แสงหยกตระการ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ กรณีใช้ขวานเเละเหล็กยาวทุบทำลายรถยนต์ นิสสัน รุ่นนาวารา สีขาว หมายเลขทะเบียน ฎค 9297 กรุงเทพมหานคร ของ น.ส.รชนิกร ที่จอดขวางหน้าบ้านตัวเองนั้น

ที่ผ่านมาศาลเคยนัดไกล่เกลี่ย เเต่ไม่ลงตัว ซึ่งเราก็ได้ให้การปฏิเสธไป โดยป้าทั้งสองให้การยอมรับว่าได้ใช้ขวานและเสียมทุบรถจริง แต่ทำไปเพราะบันดาลโทสะ เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม และผู้เสียหายมีส่วนในการกระทำความผิด ซึ่งศาลนัดสืบพยานโจทก์นัดเเรกวันที่ 7 มี.ค.2562

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน