ดีเอ็นเอระบุชัดแก๊งคนร้าย ยิงกำนัน บันนังสตา เป็นมือเผารถทัวร์เบตง-กรุงเทพฯ เผยเป็นกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการ เคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา อ.กรงปินัง ยะลา จนท.เร่งล่าตัว ขอชาวบ้านช่วยสอดส่องคนแปลกหน้า ใครให้ที่พักพิงโดนข้อหาหนัก

กรณีคนร้ายใช้อาวุธสงครามกราดยิง นายอับดุลลาเต๊ะ ยานยา อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 ม.3 ต.ตาเน๊าะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ประธานชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้านอำเภอบันนังสตา เสียชีวิต บนถนนสาย 410 บ้านกาสัง หมู่ 3 ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา หลังขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นฟีลาโน่ สีเหลือง ทะเบียน 1 กช 1166 ยะลา กลับจากละหมาดที่มัสยิด เหตุเกิดเมื่อวันที่ 30 พ.ย. ที่ผ่านมา
ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ต่อมา ขณะเกิดเหตุ ร.ต.อ.นิพนธ์ อ่อนรัตน์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการเดลต้า กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 44 พร้อมพวกรวม 6 นาย ขับรถยนต์ของทางราชการ ลาดตระเวนเส้นทางมาประสบเหตุ ไล่ติดตามคนร้าย เมื่อถึงบริเวณที่เกิดเหตุ คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่

ก่อนเจ้าหน้าที่ยิงตอบโต้ เกิดปะทะกันขึ้นคนร้ายพยายามเร่งเครื่องหลบหนี และทิ้งรถเป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อภายหลังคือนายอาบะห์ ดีสะเอะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/2 ม.8 ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตรวจยึดรถจยย.ของคนร้าย 1 คัน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ทะเบียน 1 กฉ 7338 ปัตตานี ส่วนคนร้ายอีกคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บหลบหนีไป

ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เข้าตรวจพิสูจน์หาลักฐานในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งตรวจดีเอ็นเอจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ในที่เกิดเหตุ จึงทำให้ทราบว่า คนร้ายที่ได้รับบาดเจ็บและหลบหนีไปคือนายมูฮำหมัด หะยีสาเมาะ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 29 ม.7 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา

โดยนายมูฮำหมัด หะยีสาเมาะ มีหมายจับคดีวางเพลิงเผารถทัวร์เบตง-กรุงเทพ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2560 เหตุเกิดบนถนนสาย 410 ม.5 ต.กาโสด อ.บันนังสตา จ.ยะลา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เชื่อว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุ นำโดยนายมูฮำหมัด หะยีสาเมาะ บุคคลที่หลบหนี และนายอาบะห์ ดีสะเอะ คนร้ายที่เสียชีวิต เป็นกลุ่มแนวร่วมระดับปฏิบัติการ ที่เคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.กรงปินัง จ.ยะลา

โดยทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงขอความร่วมมือไปยังประชาชนในพื้นที่ หากพบบุคคลต้องสงสัย ที่เข้ารับบริการตามสถานพยาบาล หรือมีกลุ่มบุคคลต้องสงสัยแอบแฝงเข้าไปในหมู่บ้าน ชุมชน ขอให้แจ้งเบาะแสไปยังหน่วยเจ้าหน้าที่ใกล้เคียง เพื่อเข้าติดตามตรวจสอบ

อีกทั้งการให้ที่พักพิงแก่กลุ่มคนร้ายยังมีความผิด ในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏ อั้งยี่ ซ่องโจร หากเจ้าหน้าที่พบเห็นหรือถูกจับกุม ก็จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายด้วยเช่นกัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน