เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พล.ต.ท.ณัฐธร เพราะสุนทร ผบช.สตม. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร ผบก.สส.สตม.และชุดสืบสวน ประกอบด้วย พ.ต.อ.บรรลือศักดิ์ ขลิบเงิน รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.ต.ระลึก อินทรรัศมี สว.กก.2 บก.สส.สตม.และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนเข้าควบคุมตัว นายชาเดรสกูมาร ราเมสไบ ปาเตล อายุ 40 ปี สัญชาติอินเดีย หัวหน้าแก๊ง “ราวีปูจารี” มีเครือข่ายในแถบภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้ บงการฆ่านักการเมืองคู่อริ ในรัฐคุชราช โดยนายชาเดรสกูมารเป็นบุคคลที่ทางการอินเดียต้องการตัวเป็นอย่างยิ่ง

พล.ต.ท.ณัฐธรฯ ผบช.สตม. กล่าวว่า ตามนโยบายด้านความมั่นคงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายความมั่นคง) ในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรข้ามชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. จึงสั่งการให้สตม. สืบสวนหาข่าวอาชญากรข้ามชาติ ที่เข้ามาหลบซ่อนตัวในประเทศไทย

ที่ผ่านมา สตม.สร้างภาคีเครือข่ายต่อต้านอาชญากรข้ามชาติ ทั้งตำรวจสากลและทูตจากประเทศต่างๆ ทำให้สามารถจับกุมอาชญากรข้ามชาติคดีสำคัญได้อย่างรวดเร็ว ในคดีนี้สตม.ได้รับข้อมูลจากทางการอินเดียและตำรวจสากล เกี่ยวกับบุคคลที่ทางการอินเดียต้องการตัว ซึ่งเป็นหัวหน้าแก๊ง “ราวีปูจารี” มีเครือข่ายในแถบภูมิภาคเอเชียตะออกเฉียงใต้ อิทธิพลเทียบเคียงแก๊ง “ยากูซ่า” ของญี่ปุ่น ก่อเหตุจ้างวานฆ่า นายปราเนช พาเทล
สมาชิกสภาเขตรัฐคุชราช หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมมือปืนและผู้ร่วมขบวนการได้ทั้งหมด 4 คน ผู้ต้องหาให้การได้ซัดทอดถึง นายชาเดรสกูมารว่าเป็นผู้จ้างวาน

จากการสืบสวนพบว่า นายชาเดรสกูมาร เดินทางเข้าออกประเทศไทย จำนวน 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเดินทางเข้ามาประเทศไทยทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.2560 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว 15 วัน การลอบสังหารเกินขึ้นในวันที่ 13 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา จนกระทั่งชุดสืบสวนแกะรอยและควบคุมตัวได้ที่ย่านประตูน้ำ ราชเทวี สตม.มอบหมายให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยงข้องต่อไป

คดีที่สอง เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ทีมสืบสวน สตม.ควบคุมตัวนายลาโยช แดอากี และนางลอโยชเน แดอากี สองสามีภรรยาสัญชาติฮังการี ทั้งสองเป็นบุคคลตามหมายแดงตำรวจสากล (RED NOTICE) ในคดีฉ้อโกงหลายคดีและศาลประเทศฮังการีได้ตัดสินจำคุกบุคคลทั้งสองเป็นเวลา 8 ปี ทั้งสองไหวตัว และหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 2552 ด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาได้ยื่นขออยู่ต่อประเภทใช้ชีวิตปั้นปลาย จำนวน 8 ครั้ง ได้รับอนุญาตถึงวันที่ 11 ส.ค. 2560 เมื่อ สตม.ได้รับข้อมูลจากทาง ฮังการี จึงสืบสวนหาข่าว และดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เข้าควบคุมตัวบุคคลทั้งสอง ได้ที่ บ้านเลขที่ 112/91 ม.11 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง ชลบุรี

คดีที่สาม เมื่อต้นเดือน ม.ค.2560 สตม. ได้รับการประสานจากทางการจีน ให้ช่วยสืบสวนติดตามตัว นายจาง ชิงตวน อายุ 38 ปี สัญชาติจีน เป็นบุคคลที่ทางการจีนต้องการตัว ในคดีฉ้อโกงประชาชน พฤติการณ์แห่งคดี

นายจาง ชิงตวน กับพวกได้ร่วมกันหลอกลวงผู้เสียหายชาวจีนกว่า 30,000 ราย ให้ร่วมลงทุนใน “กองทุนหมิงจู๋” เพื่อนำเงินดังกล่าวไปลงทุนธุรกิจทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคม และหลอกว่าจะจ่ายเงินปันผลในจำนวนที่สูง รวมทั้งให้สมาชิกชักชวนเพื่อนฝูงมาร่วมลงทุนในลักษณะลูกโซ่ โดยจะให้ค่าคอมมิสชั่นจากการหาสมาชิกอีกด้วย โดยใช้วิธีการสร้างความเชื่อถือ มีการจัดประชุมสัมมนา และจัดตั้งกลุ่มโซเชียล (วีแชท) ส่งข้อมูลข่าวสารให้กับสมาชิก ชักชวนให้สมาชิกมาเข้าร่วมกิจกรรม ในคดีนี้มีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงกว่า 30,000 คน กระจายอยู่ทั่วประเทศจีนกว่า 30 มลฑล มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท แล้วได้เดินทางหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 29 ก.ย.2559 โดยใช้สิทธิ Thailand Privilege ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทย ถึงวันที่ 28 ก.ย.2560 สามารถควบคุมตัวได้ในย่านพัทยาเหนือ จ.ชลบุรี

บุคคลดังกล่าวข้างต้นได้ถูก สตม.เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามพ.ร.บ. คนเข้าเมืองฯ มาตรา 12 อนุ 7 และจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สตม.ได้ระดมกวาดล้างต่างชาติผิดกฎหมาย โดยร่วมกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งฝ่ายทหารและตำรวจ นำมาสู่การจับกุม คนสีผิว (กานา, ไนจีเรีย และแคมารูน) เข้าเมืองและอยู่โดยผิดกฎหมายเป็นจำนวนมาก จึงควบคุมตัวชาวต่างชาติทั้งหมดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน