เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ในการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งดำเนินมาเป็นวันที่ 102 ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพในการบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณและถวายเป็นพระราชกุศล โดยมีหน่วยงานต่างๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ ประกอบด้วย

เวลา 10.00 น. รศ.ดร.วิโรจน์ อิ่มพิทักษ์ ตัวแทนคณะสังคมศาสตร์และสมาคมนิสิตเก่าคณะสังคมศาสตร์ นิสิตเก่าเศรษฐศาสตร์ รุ่น 38 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นประธานบำเพ็ญกุศลและถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ 10 รูปที่สวดพระพุทธมนต์ รับพระราชทานฉัน สดับปกรณ์ โดยมี สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สมาคมศิษย์เก่าบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล สมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยมหิดล ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมศิษย์เก่าแพทย์จุฬาลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ คณะสังคมศาสตร์และสมาคมนิสิตเก่าคณะสังคมศาสตร์ นิสิตเก่าเศรษฐศาสตร์ รุ่น 38 มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นิติศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา รุ่น 9 (บริษัท ที่ปรึกษากฎหมายแชนด์เล่อร์ จำกัด) สมาคมนิสิตเก่าสหเวชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่น 32 นิสิตเก่ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ รุ่นปี 2515-2519 ร่วมเป็นเจ้าภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศประชาชนเข้ากราบสักการะ พระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ตลอดทั้งวันมีประชาชนจากทั่วทุกสารทิศ สวมชุดไว้ทุกข์สุภาพ เดินทางมาต่อแถวรอเข้ากราบสักการะพระบรมศพเป็นจำนวนมากตั้งแต่ช่วงเช้ามืด โดยสำนักพระราชพระวังเปิดให้ประชาชนชุดแรกเข้าพระบรมมหาราชวังในเวลา 04.45 น. ทั้งนี้ พสกนิกรที่มากราบสักการะพระบรมศพทุกคนจะได้รับแจกภาพพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พิมพ์ 4 สี ขนาด 5 คูณ 7 นิ้ว ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานแก่พสกนิกรทุกคนเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย

นางยม แก้วกล้า อายุ 60 ปี อาชีพเกษตรกร พสกนิกรจาก อ.เอราวัณ จ.เลย เปิดเผยว่า เดินทางมาพร้อมเพื่อนบ้านโดยรถตู้ ถึงสนามหลวงตั้งแต่ตี 3 และเข้าคิวต่อแถวตามความตั้งใจที่จะมากราบพระบรมศพในหลวง ร.9 อย่างใกล้ชิด ตนได้กราบพระองค์ด้วยความตื้นตันใจ เป็นความปลื้มใจในสิ่งที่พระองค์ทำมาตลอดพระชนม์ชีพ และบอกกับพระองค์ว่าตนจะเป็นคนดี ใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ประหยัด ไม่ฟุ้งเฟ้อ พร้อมสอนลูกหลานให้ระลึกความดีที่พระองค์ทำ และตนจะทำเป็นแบบอย่างตลอดไป

นางยม กล่าวด้วยว่า อยากจะมาตั้งแต่ทราบข่าวว่าในหลวง ร.9 เสด็จสวรรคต แต่ยังไม่มีโอกาส ครั้งนี้เพื่อนบ้านรวมตัวจึงมาด้วยความตั้งใจจริง เพราะตนรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก พระองค์ทรงทำเพื่อประชาชนในทุกพื้นที่ ตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนตั้งแต่พระองค์สวรรคต ตนได้ไว้ทุกข์ไม่เว้นวัน หากมีโอกาสก็อยากมากราบพระองค์อย่างใกล้ชิดบนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง อีกครั้ง

นางศรีวรรณ ธรรมจินดา วัย 67 ปี เดินทางมาเป็นครั้งแรกพร้อมกับลูกชาย นายลลิต วัย 43 ปี โดยเลือกเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพในวันนี้เนื่องจากตรงกับวันเกิดลูกชายพอดี กล่าวว่า ลูกชายพามารอต่อแถวตั้งแต่ 6 โมง 20 นาที ได้เข้ากราบตอน 11 โมง 15 นาที ถือว่าไม่นานเท่าไหร่ ประกอบกับวันนี้อากาศไม่ร้อนด้วย ที่เลือกมาวันนี้เพราะเป็นวันเกิดลูกชายอายุครบ 43 ปีพอดี ตอนได้ขึ้นไปกราบพระบรมศพ ได้อธิษฐานบอกว่าจะเป็นประชาชนที่ดี จะช่วยเหลือผู้อื่นตามที่มีโอกาส ทั้งยังนำคำสอนของพระองค์ท่านมาสอนลูกหลาน โดยตนทำงานที่โบสถ์คริสต์ด้วยจึงนำเรื่องเหล่านี้ไปสอนสมาชิกที่โบสถ์โดยเน้นในเรื่องความประหยัดและความพอเพียง

วันเดียวกัน สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 21.15 น. ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 38,673 คน รวม 81 วัน มี 3,581,156 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,693,084 บาท รวม 81 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 299,890,198.79 บาท

นางยม แก้วกล้า อายุ 60 ปี

ที่เต็นท์อาหารพระราชทานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งตั้งอยู่บริเวณท้องสนามหลวงฝั่งทิศเหนือ เยื้องกับพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ โดยรวมอยู่ภายในศูนย์อาหารบริการประชาชน สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหาร ขนม ของว่าง และน้ำดื่มพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน โดยแบ่งเป็นมื้อเช้าเวลา 07.00 น. ประกอบด้วยเกี๊ยวหมูน้ำใส 1,500 จาน, กาแฟสด 2,500 แก้ว, นมหนองโพ 2,000 กล่อง

นางศรีวรรณ ธรรมจินดา วัย 67 ปี และลูกชาย

มื้อกลางวัน เวลา 11.00 น. ประกอบด้วย ข้าวไก่อบซอส 3,000 จาน, ขนมปังไส้ครีม มื้อบ่าย เวลา 16.00 น.ประกอบด้วย ขนมไทย 1,000 กล่อง, เฉาก๊วยชากังราว 1,000 ถุง มื้อเย็น เวลา 18.00 น.ข้าวขาหมูพะโล้ 3,000 จาน โดยมีน้ำดื่มสมุนไพร 700 ลิตร และน้ำดื่มให้บริการประชาชนตลอดทั้งวันน้ำดื่มตลอดทั้งวัน

ขณะเดียวกันที่บริเวณหน้าประตูสรีสุนทร ในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นประตูทางออกของพสกนิกรหลังกราบสักการะพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ฯ นำอาหารพระราชทานมาแจกจ่ายให้ประชาชน อาทิ เมนูข้าวไก่อบซอส, ข้าวขาหมู และขนม ของว่าง เป็นวันแรก และจะแจกจ่ายอาหารพระราชทานต่อเนื่องตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน