ระแวงเมียสวยปันใจ! หนุ่มวางยาฆ่าแล้วผูกคอตายตาม ทิ้งจม.บอกขอเอาเมียไปด้วย

วันที่ 12 ธ.ค. พ.ต.ต.อดิศร พันธุมาส สารวัตร(สอบสวน) สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งพบศพชายหญิงอยู่ภายในห้องพัก หมู่ 11 ต.บางนมโค อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา จึงประสานแพทย์เวรโรงพยาบาลเสนา ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน แล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.วาสุเทพ คงกล่อม ผกก.สภ.เสนา ตำรวจชุดสืบสวน และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิพุทไธสวรรย์

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ที่เกิดเหตุเป็นหอพักสูง 5 ชั้น ภายในห้องเลขที่ 325 ชั้น 3 พบศพน.ส.น้ำค้าง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ชาว อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา นอนหงายขึ้นอืดอยู่กลางห้อง ส่วนประตูหลังห้องพบศพ นายอนันต์สิทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ใช้สายอากาศโทรทัศน์ผูกคอตัวเองห้อยอยู่กับขอบประตู สภาพศพทั้งคู่เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน

ตรวจสอบภายในห้องพบขวดเบียร์กินหมดแล้ว 3 ขวด ขวดน้ำเปล่า 4 ขวด น้ำอัดลมเปิดแล้ว แก้วน้ำ แก้วกาแฟ และจดหมายเขียนด้วยลายมือ บนกระดาษ ขนาดเอสี่ เนื้อหาข้อความระบุว่า “ผมเอาเมียผมไปด้วย ผมขอโทษ ผมรักเมียผมมาก แต่เมียผมทำกับผมได้ ผมยอมตาย ผมทำดีที่สุดแล้ว ตายดีกว่าอยู่”

ระหว่างลูกชาย นายอนันต์สิทธิ์ อายุ 21 ปี เดินทางมาที่เกิดเหตุ โดยระบุว่า พ่อเลิกกับแม่หลายปีแล้ว จากนั้นมาคบหากับน.ส.น้ำค้าง ได้ประมาณ 2 ปี โดยแยกตัวมาเช่าหอพักแห่งนี้อยู่ได้ประมาณ 2 เดือน ทราบว่าพ่อกับแฟนใหม่มีเรื่องทะเลาะกันบ่อยๆ จนมีเพื่อนโทรศัพท์ไปบอกว่าว่าพ่อเสียชีวิตจึงได้รีบเดินทางมาดู

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทราบว่า นายอนันต์สิทธิ์มีอาชีพเป็นพนักงานขับรถบรรทุก ส่วนน.ส.น้ำค้างเป็นพนักงานร้านเสริมเสวย ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องความหึงหวง ระแวงว่าแฟนสาวซึ่งมีรูปร่างหน้าตาดีจะไปคบหากับชายอื่น โดยก่อนหน้านี้เพื่อนบ้านเห็นทั้งคู่มีปากเสียงกันเป็นประจำ ล่าสุดกลางดึกวันที่ 8 ธ.ค. เกิดมีปากเสียงกันอีก จนฝ่ายหญิงล็อกประตูห้องไม่ให้นายอนันต์สิทธิ์เข้า จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องมาเจรจาจนยอมเปิดประตู จากนั้นคนในหอพักก็ไม่มีใครพบเห็นทั้งคู่อีกเลย

จากการตรวจสอบสภาพศพ น.ส.น้ำค้าง มีสภาพศพขึ้นอืดมากกว่า น่าจะเสียชีวิตก่อนนายอนันต์สิทธิ์ ประมาณ 1 วัน คาดว่านายอนันต์สิทธิ์ น่าจะผสมยาให้น.ส.น้ำค้างกินจนเสียชีวิตก่อน จากนั้นได้ห่มผ้าห่มให้ภรรยา แล้วมาตัดสินใจผูกคอตายตามภายหลัง เจ้าหน้าที่จึงนำศพส่งชันสูตรเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียด ก่อนสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน