วันที่ 22 ก.ย. มูลนิธิผสานวัฒนธรรม รับแจ้งจากน.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ว่าจากการติดตามความคืบหน้าคดีของตนนั้นพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน นายรติ ช่อลำไย ได้แจ้งด้วยวาจาว่าได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาล โดยระบุว่าความเห็นพนักงานสอบสวนที่สรุปมาในสองข้อหาคือ 1.ข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร, 2.ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ขณะนี้สำนวนอยู่ที่อัยการจังหวัดนราธิวาส พิจารณาและมีคำสั่งต่อไป โดยขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดวันสั่งฟ้อง

ทั้งนี้น.ส.นริศราวัลถ์ แก้วนพรัตน์ ข้าราชการกองกิจการเด็กและเยาวชน กรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกร.อ.ภูริ เพิกโสภณ แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ บก.ปอท. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.58 ต่อมาศาลจังหวัดนราธิวาส ออกหมายจับตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวน เพราะมีพฤติการณ์หลบหนีเนื่องจากไม่มาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก และเมื่อวันที่ 27 ก.ค.59 ตำรวจชุดสืบสวนจากศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนใต้ (ศชต.) ร่วมกับชุดสืบสวน จาก สน.มักกะสัน เข้าจับกุม น.ส.นริศราวัลถ์ ที่กองกิจการเด็กและเยาวชน และควบคุมตัวไปพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนราธิวาศ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในในวันเดียวกันนั้น

โดยน.ส.นริศราวัลถ์ได้รับทราบและให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และขอให้การโดยละเอียดพร้อมเสนอพยานหลักฐานต่างๆ ต่อพนักงานสอบสวนในภายหลัง เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและมีความเห็นสั่งฟ้องคดีโดยไม่มีตัวไปก่อนที่น.ส.นริศราวัลถ์จะถูกจับแล้ว จากนั้นจึงขอประกันตัวโดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการประกันตัวเอง

ต่อมาวันที่ 17 ส.ค. น.ส.นริศราวัลถ์ เข้ายื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด ในเรื่องการสอบสวนคดีนี้ เนื่องจากไม่เคยได้รับหมายเรียกจนถูกออกหมายจับ และขอให้อัยการส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนสอบเพิ่มเติม เนื่องจากพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนไปโดยที่ยังไม่ได้รับข้อมูลจากฝ่ายตน เป็นการสรุปสำนวนไปโดยที่ยังไม่ได้ฟังความทุกฝ่ายและไม่เป็นธรรม จึงขอให้พนักงานอัยการขอให้พนักงานสอบสวนเพิ่มเติมก่อนมีความเห็นเกี่ยวกับคดีนี้ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนเจ้าของสำนวนยังได้แจ้งด้วยว่าหากทำประวัติอาชญากรรมเรียบร้อยแล้ว ก่อนสรุปผลการจับกุมตัวส่งให้พนักงานอัยการ จะแจ้งให้นางสาวนริศราวัลถ์เข้าให้การเพิ่มเติมได้ด้วย แต่ก็ไม่ได้มีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด

มูลนิธิผสานวัฒนธรรมมีความเห็นว่า การที่พนักงานอัยการเจ้าของสำนวน ได้สรุปความเห็นไปก่อนที่จะได้รับข้อมูลต่างๆ จากฝ่ายน.ส.นริศราวัลถ์นั้น เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เนื่องจากไม่ได้ฟังความทุกฝ่าย โดยเฉพาะพยานหลักฐานที่จะแสดงว่าผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นผู้บริสุทธิ ไม่ได้ทำผิดตามที่ถูกแจ้งข้อหาแต่อย่างใด เพียงแต่ใช้สิทธิเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ พลทหารวิเชียร เผือกสม น้าของตนที่ถูกทำร้ายถึงตายเท่านั้น และขอเรียกร้องให้พนักอัยการจังหวัดนราธิวาส สั่งให้สอบคำให้การฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติมและรับพยานหลักฐานจากฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาเข้ามาประกอบในการสั่งคดีนี้ด้วย เพื่อเป็นการอำนวยความยุติธรรมให้แก่ประชาชน และเพื่อไม่ให้ผู้ใดใช้กฎหมาย เจ้าหน้าที่รัฐ และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้งประชาชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน