วันที่ 31 ม.ค. ศาลจังหวัดเพชรบุรี อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ 1643/2557 ความอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรีโจทก์ และนายสุชิน กลัดหลำ จำเลยที่ 1 นายอรรถวุตต์ ดียิ่ง จำเลยที่ 2 นายกิตติพล แซ่ลิ้ม จำเลยที่ 3 นายระย้า คะนอง หรือขนอน จำเลยที่ 4 นายนิธศ เกษมสงคราม จำเลยที่ 5 นายศานิต อำนวยเลขา จำเลยที่ 6 นายสมชาย ปีดอก จำเลยที่ 7 นายสายชล กลัดหลำ จำเลยที่ 8 และพ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี อดีต สว.สส.สภ.ปราณบุรี จำเลยที่ 9 เรื่องความผิดต่อพ.ร.บ.อาวุธปืนฯ, พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า, พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ, พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติฯ

โดยเหตุดังกล่าวเกิดเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2555 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และเจ้าหน้าที่ เข้าจับกุม พ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี และพวกอีก 8 คน ขณะเข้าไปลักลอบล่าสัตว์ป่าในอุทยานฯที่ป่าห้วยแม่ประโดน หมู่ที่ 3 ต.สองพี่น้อง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ายางน้ำกลัดเหนือ-ใต้ เขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน พร้อมของกลางปืนยาวติดกล้องส่อง ขยายขนาด .22 จำนวน 2 กระบอก ปืนยาวขนาด .22 ไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ปืนลูกซองยาว 2 กระบอก ปืนลูกซองยาวไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก ปืนพกสั้นขนาด 11 . จำนวน 2 กระบอก ขนาด 9 มม. 2 กระบอก เครื่องกระสุนปืนขนาดต่าง ๆ อีกกว่า 100 นัด มีดเดินป่าขนาดใหญ่ 3 เล่ม พร้อมของกลางเป็นซากกระจง เพศเมีย น้ำหนักประมาณ 3 กก.ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน จำนวน 1 ตัว และกบภูเขา หรือ กบทูต กบพื้นถิ่นที่อาศัยและแพร่พันธุ์อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานจำนวน 100 ตัว และเรือซึ่งใช้เป็นพาหนะในการล่าสัตว์และอุปกรณ์เดินป่า นอกจากนี้ยังยึดกล้องถ่ายรูปของคณะล่าสัตว์ที่ภายในบันทึกภาพนิ่งและวิดีโอขณะเดินทาง ตั้งแค้มป์และพักค้างแรมในป่าด้วยกันกับกลุ่มพรานดังกล่าว ไว้จำนวนหนึ่ง

ครั้งนั้น เนื่องจากเป็นความผิดด้านสิ่งแวดล้อม นายสุทธิพงษ์ ตันบุญยศิริเดช นายอำเภอแก่งกระจาน จึงเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่ปรากฏว่านายสุทธิพงษ์ และพ.ต.ท.กลยุทธ์ วงษ์เพ็ชร์ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ สภ.แก่งกระจาน เจ้าของคดีกลับสั่งฟ้องผู้ต้องหาเพียง 8 คน แต่ไม่สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธ จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณชนที่ติดตามเรื่องนี้ เนื่องจากมีหลักฐานที่สื่อมวลชนนำเสนอผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างชัดเจน กระทั่งอธิบดีกรมการปกครองได้สั่งให้ตรวจสอบการทำงาน และย้ายนายสุทธิพงษ์ ไปช่วย ราชการที่วิทยาลัยการปกครอง พล.ต.ต.พีระชาติ รื่นเริง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี (ขณะนั้น) สั่งให้ พ.ต.ท.กลยุทธ์ ไปปฏิบัติราชการ ที่ ภ.จว.เพชรบุรี 30 วันและ ผบ.ตร.ได้แต่งตั้งให้ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผช.ผบ.ตร.ลงมาควบคุมการสอบสวน และหาหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ร่วมกับพนักงานสอบสวนชุดใหม่ที่ตั้งขึ้น ร่วมกับพนักงานสอบสวนทางฝ่ายปกครอง

ต่อมาพนักอัยการจังหวัดเพชรบุรีได้มีคำสั่ง สั่งฟ้อง พ.ต.ท.ธีรยุทธ พร้อมพวกรวม 9 คน ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ และพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ศาลจังหวัดเพชรบุรีได้มีคำพิพาก ษาเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ให้จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฯ จำคุก 1 ปี ปรับ 10,250 บาท จำเลยที่ 2, 4, 5, 6, 7, 8 มีความผิดตามพ.ร.บ.อาวุธปืน และ พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ โดยให้จำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือนปรับ 5,250 บาท จำเลยที่ 4 จำคุก 2 ปี ปรับ 20,000บาท จำเลยที่ 5 จำคุก 2 ปี ปรับ10,250 บาท จำเลยที่ 6 จำคุก 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท จำเลยที่ 7 จำคุก 1 ปี ปรับ 10,250 บาท จำเลยที่ 8 จำคุก 2 ปี ปรับ 20,250 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 3 ปี ส่วนจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 9 พิพากษายกฟ้อง โดยจำเลยทั้ง 9 คน ได้ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัวมูลค่าคนละ 150,000 บาทและได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว

จากนั้นเมื่อปี 2557 พนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี ได้ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 8 ฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตคนละ 6 เดือน, จำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 8 ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตคนละ 6 เดือน ลดโทษให้คนละกึ่งหนึ่งแล้วคงจำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 8 คนละ 3 เดือนฐานมีอาวุธปืนมีทะเบียนของผู้อื่นไว้ในครอบรัวโดยไม่ได้รับอนุญาต และคงจำคุกจำเลยที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 8 คนละ 3 เดือนฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต

ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติจำเลยที่ 3 มีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ฐานนำเครื่องมือสำหรับล่าสัตว์หรืออาวุธเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาตปรับจำเลยที่ 3 เป็นเงิน 500 บาท และจำเลยทั้ง 9 มีความผิดตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้ง 9 คน ๆ ละ 6 เดือนฐานร่วมกันมีสัตว์ป่าคุ้มครองและซากสัตว์ป่าคุ้มครองไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยทั้ง 9 คนละ 4 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 7 คนละ 10 เดือน และปรับคนละ 250 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 2 และที่ 6 คนละ 13 เดือน คงจำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 10 เดือน และปรับ 500 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 5 และที่ 8 คนละ 16 เดือน และปรับคนละ 250 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 19 เดือน และปรับ 250 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 9 มีกำหนด 10 เดือนและเมื่อบวกโทษจำคุก 6 เดือน ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลข แดงที่ 3661/2555 ของศาลชั้นต้น เข้ากับโทษของจำเลยที่ 3 คดีนี้เป็นจำคุกจำเลยที่ 3 รวม 16 เดือน และปรับ 500 บาท ไม่รอการลงโทษและไม่คุมความประพฤติจำเลยทั้ง 9 และให้ริบของกลางทั้งหมด นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ทั้งนี้พ.ต.ท.ธีรยุทธและพวกยื่นฎีกา ศาลจังหวัดเพชรบุรี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ภาค 7 หลังฟังคำพิพากษา ผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ถูกควบคุมตัวไปคุมขังยังเรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี ทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน