เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 1 ก.พ. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผบช.ปส. ร่วมกันแถลงข่าวจับขบวนการค้ายาเสพติด จำนวน 2 คดี มูลค่ารวมกว่า 406,530,120 บาท โดยคดีที่ 1 จับกุมนาย นายตอ บี เซียง ชาวมาเลเซีย มีพฤติกรรมลักลอบนำยาเสพติดเข้าออกประเทศ

 

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ร่วมกับ บก.ปส.2 และบก.สส.ภ.1 ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา จำนวน 3 ราย คือ นายม่าง ย่างคีรี อายุ 38 ปี, นางกนกวิภา ย่างคีรี อายุ 38 ปี และนายไพเสริฐ แซ่ย่าง อายุ 40 ปี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า 720,000 เม็ด รถยนต์กระบะโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน ชณ 9910 กรุงเทพมหานคร รถยนต์กระบะ อีซูซุ รุ่นดีแมกซ์ สีดำ หมายเลขทะเบียน 1ฒบ 5456 กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง

 

โดยสามารถจับกุมนายม่าง และนางกนกวิภา ได้ที่ปั๊มน้ำมัน ปตท. สาขาหนองขอนกว้าง ถนนมิตรภาพ ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี และจับกุมนายไพเสริฐ ได้ที่บริเวณสามแยกไฟแดงกุมภวาปี ถนนมิตรภาพ ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี โดยกล่าวหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต” เมื่อเวลา 06.30 น.ของวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด (บก.สกส.บช.ปส.) ได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ จะลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากชายแดนทางภาคอีสานด้าน จ.นครพนม โดยจะนำมาเก็บพักรอที่บ้านเช่าในเขตพื้นที่ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง เพื่อรอการส่งให้กับลูกค้า โดยจะใช้รถยนต์กระบะบรรทุกที่จัดทำช่องลับต่างๆไว้สำหรับซุกซ่อนยาเสพติด

เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจัดกำลังเฝ้าสะกดรอยติดตาม กระทั่งเวลา 04.00 น. ของวันที่ 29 ม.ค. พบกลุ่มผู้ต้องหาขับรถยนต์กระบะ จำนวน 2 คัน ลักษณะมีพิรุธ ใช้เส้นทาง เซกา–บึงกาฬ–บึงโขงโหลง–วานรนิวาส–สกลนคร–อุดรธานี จึงขับรถติดตาม จนกระทั่งเวลา 06.30 น. รถยนต์กระบะของผู้ต้องหาแวะที่ปั๊มน้ำมัน ปตท.สาขาหนองขอนกว้าง ต.หนองขอนกว้าง อ.เมือง จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบของกลางยาบ้าซุกซ่อนอยู่ตามช่องลับต่างๆของรถกระบะวีโก้ หมายเลขทะเบียน ชณ 9910 กรุงเทพมหานคร จึงทำการจับกุมตัวผู้ต้องหานำตัวส่งพนักงานสอบสวน บช.ปส. ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้สืบสวนขยายผลการจับกุมบุคคลในเครือข่ายและยึดทรัพย์ต่อไป

พล.ต.ต.สมหมาย กล่าวว่า จากการตรวจสอบในคดีที่ 1 สามารถจับได้ที่บริเวณหน้าด่านก่อนเข้าประเทศมาเลเชีย โดยพฤติการณ์จะขนย้ายยาเสพติดจากพื้นที่ภาคเหนือมายังภาคใต้ ก่อนส่งไปประเทศมาเลเชีย

คดีที่ 1 เป็นชนเผ่าม้งเครือข่ายของนายไซซะนะ โดยใช้เส้นทางจ.นครพนม มีการนัดรับยาที่ริมแม่น้ำโขง โดยผู้ต้องหากลุ่มนี้จะพักห่างจากจุดพักยา 50 กิโลเมตร เพื่อป้องกันการจับกุม สิ่งสำคัญจะรู้ความเคลื่อนไหวของตำรวจท้องที่ หากมีการกวาดล้างจับกุมจะหยุดดำเนินการ

ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การชักทอดว่า มีบุคคลในวงการบันเทิง กลุ่มบุคคลไฮโซที่มีชื่อเสียง และวงการรถหรูมีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลทรัพย์สินของเครือข่ายนายไซซะนะ ทั้งนี้จากการขยายผลทราบว่าทรัพย์สินทั้งหมดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยนายไซซะนะจะเช่าบ้านที่อยู่ในสวนห่างไกลผู้คนเป็นที่พักทรัพย์สิน

 

สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างตัวนายไซซะนะ กับกลุ่มบุคคลไฮโซทั้งหลาย ทราบว่า นายไซซะนะจะแสดงตนเป็นเศรษฐีจากฝั่งลาวเข้ามาในประเทศไทย จากนั้นจัดปาร์ตี้เชิญเหล่าดารา ไฮโซ และบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายวงการเข้ามาร่วมงาน จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดการรู้จักกัน จากนั้นก็จะให้เป็นผู้แปลงทรัพย์สินต่างๆในลักษณะฟอกเงิน อย่างไรก็ตาม สำหรับเครือข่ายของนายไซซะนะ จากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วประเทศประมาณกว่า 100 เครือข่าย โดยบางกลุ่มหันมาผลิตยาเองแต่ยังไม่มีศักยภาพพอที่จะส่งออกนอกประเทศเทียบเท่านายไซซะนะ

 

ทั้งนี้ สถิติผลการจับกุมคดียาเสพติดประจำปีงบประมาณ 2560 ช่วงวันที่ 1 ต.ค.2559-31 ม.ค.2560 สามารถจับกุมได้ 143 คดี ยึดของกลางยาบ้า 14 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 871 กิโลกรัม เฮโรอีน 69 กิโลกรัม โคเคน 16 กิโลกรัม กัญชาแห้ง 369 กิโลกรัม และยึดทรัพย์สินกว่า 84 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน