เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 ก.พ. พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะผู้กำกับดูแลศูนย์ปฏิบัติการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมพิเศษ พร้อมด้วยพ.อ.ประสาน แสงศิริลักษณ์ ผบ.กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.อุทัยธานี นายศรัทธา คชพลายุกต์ ปลัดจังหวัดอุทัยธานี นำกำลังสนธิกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมทหารราบที่ 4 ปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายสถานที่ จำนวน 10 แห่ง ในพื้นที่จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นกรณีขบวนการปล่อยเงินกู้นอกระบบในอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด
พบว่ากลุ่มขบวนการดังกล่าวมีลักษณะการกระทำความผิด โดยจัดตั้งบริษัทบังหน้าและมีสาขาทั่วประเทศมากกว่า 86 สาขา เครือข่ายนายวิชัย ปั้นงาม ผู้ต้องหาซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี โดยมีเครือข่ายผู้กระทำความผิดมากกว่า 2,000 รายและมีประชาชนที่เป็นลูกหนี้กว่า 170,000 ราย ปรากฏเงินหมุนเวียนในระบบมูลค่าประมาณ 4,000 ล้านบาท
โดยชุดปฏิบัติการที่ 1 นำโดยนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 ดีเอสไอ เข้าดำเนินการตรวจค้นบ้านเลขที่ 94/1, 94/6 และ 94/2 ม.7 ต.ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี ส่วนชุดปฏิบัติการที่ 2 นำโดย ร.อ.กลวิตร บุญนาค ผู้อำนวยการส่วนสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เข้าดำเนินการตรวจค้นบ้านเลขที่ 789, 94, 94/3 และ 94/4, 94/5, 92 และ 89 ม.7 ต.ท่าซุง อ.เมือง จ.อุทัยธานี
ทั้งนี้ ได้ทำการยึดอายัดทรัพย์สินประเภทที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ที่ได้มาหรือเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในเขตอำเภอเมือง และอำเภอหนองขาหยั่ง จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 102 แปลง จำนวนพื้นที่รวมประมาณ 700 ไร่ มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำสิ่งที่ตรวจยึดได้ในวันนี้ไปดำเนินการตรวจสอบต่อไป
โดยบ้านหลังแรก เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นเป็นบ้านเลขที่ 789 และ 94 ซึ่งอยู่ในพื้นที่รอบรั้วเดียวกันบนเนื้อที่ประมาณ 20 ไร่ มีเรือนรับรองขนาดเล็ก โรงรถและบ้านพักคนงาน รวมถึงมีบ้านและอาคารอยู่ระหว่างกำลังปลูกสร้างอยู่อีกหลายหลัง พร้อมมีการจัดแต่งสวนหย่อมและทางเดินอย่างสวยงาม ก่อนที่ พ.ต.ต.สุริยา จะเข้าไปพูดคุยกับนางสมบุญ ปั้นงาม อายุ 80 ปี และนายพงศ์ ปั้นงาม อายุ 85 ปี บิดานายวิชัย เพื่อทำความชี้แจง และขออนุญาตทำการตรวจค้น
ต่อมา เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 94/5 บ้านเลขที่ 94/2 และ บ้านเลขที่ 92 ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวปลูกติดกันสามหลัง มีชื่อญาติของนายวิชัย เป็นผู้ครอบครองและมีแม่บ้านเป็นผู้ดูแล โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดข้อมูลฮาร์ดิสต์จากคอมพิวเตอร์เพื่อนำไปตรวจสอบ
ส่วนจุดที่สาม เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบ สีสัน สไมล์ รีสอร์ท ตั้งอยู่เลขที่ 50 หมู่ 4 ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี ซึ่งมีชื่อ นายวราวุฒิ ปั้นงาม ลูกชายนายวิชัยเป็นเจ้าของ โดยเป็นบ้านพัก จำนวน 28 หลัง และ ห้องสัมมนา โดยเจ้าหน้าที่พบเพียงผู้ดูแล 3-4 คน จึงได้ติดป้ายยึดอายัดทรัพย์สินไว้
พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า ภารกิจวันนี้ดีเอสไอ สนธิกำลังร่วมกับทหาร ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจค้นบ้านนายวิชัย และเครือญาติ ก่อนอายัดบ้าน พร้อมที่ดินพื้นที่เป้าหมาย 10 จุด 118 แปลง เนื้อที่ 800 ไร่ มูลค่าประมาณ 400 ล้านบาท โดยเฉพาะบ้านเลขที่ 789 เป็นบ้านพักของนายวิชัย ปัจจุบันให้บิดามารดาของนายวิชัย ที่กำลังป่วยพักอาศัย พร้อมกับคนงานในบ้านรวมประมาณ 10 คน หลังจากนี้ให้เจ้าของบ้านและที่ดิน ที่ถูกอายัด เข้าให้ชี้แจงที่มาที่ไปของทรัพย์ทั้งหมดกับพนักงานสอบสวนเอสไอตามขั้นตอนกฎหมาย
“ส่วนการข่าวทางเจ้าหน้าที่ยืนยันว่านายวิชัย ยังอยู่หลบหนีอยู่นอกประเทศไทย นอกจากนี้ ดีเอสไอ จะเดินหน้าตรวจสอบเครือข่ายเงินกู้นายวิชัยที่มี 86 สาขาทั่วประเทศต่อไป ส่วนนักการเมืองท้องถิ่น และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.อุทัยธานี หากพบมีความเกี่ยวข้องกับนายวิชัย ก็จะดำเนินการตรวจสอบด้วยเช่นกัน” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว
ด้าน นายศรัทธาคช กล่าวว่า ได้รับการประสานจากดีเอสไอ ให้ดำเนินการตรวจสอบมาก่อนหน้านี้แล้ว กระทั่งมีการสนธิกำลังเข้าตรวจสอบในวันนี้ พร้อมประสานเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุทัยธานี เจ้าที่ฝ่ายปกครอง ทหารตำรวจ เข้าทำการตรวจสอบ สำหรับเครือข่ายเงินกู้นายวิชัยนั้น ที่ผ่านมาทราบว่าทำมานานแล้ว มีผู้เสียหายได้เข้ามาให้ข้อมูลกับทาง
เจ้าหน้าบ้างแล้วในบางส่วน แต่กลุ่มเงินกู้นี้เป็นเครือข่ายใหญ่ จึงต้องมีการสนธิกำลังในการปราบปราม
พ.อ.ประสาน กล่าวต่อว่า ในส่วนกำลังเจ้หน้าที่ทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย จ.อุทัยธานี ได้ร่วมวางแผนเข้าตรวจค้น และอายัดทรัพย์สินเครือข่ายวิชัยในพื้นที่ จ.อุทัยธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดผู้ต้องหามาระยะหนึ่งแล้ว กระทั่งร่วมปฏิบัติการกันจนสำเร็จตามเป้าหมายภารกิจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ได้นำป้ายประกาศแปะที่รั้วบ้านนานวิชัย และพื้นที่เป้าหมายทั้งหมด 10 จุด โดยป้ายระบุว่า “ทรัพย์สินนี้ ถูกอายัดโดยดีเอสไอ คดีพิเศษที่ 99/2559 อาศัยอำนาจตาม มาตรา 24 (5) แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2551”
