รวบหนุ่มใหญ่ ใช้นามแฝงปกิต ลวงเด็กชาย ตุ๋ยเอาท์ดอร์ ช็อกไม่เคยใช้ถุงยาง!

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) พล.ต.ต.สำราญ นวบมา ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ พ.ต.อ.ภานพ วรธนัชชากุล รองผบก.สปพ. พ.ต.อ.สมบูรณ์ เทียนขาว ผกก.สายตรวจ บก.สปพ.

นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. เข้าจับกุม นายปกิต สุนทรวราภาส อายุ 46 ปี ในข้อหา “ครอบครอง เผยแพร่ สื่อลามกอนาจารเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น”

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลการร้องเรียกจากเพจเฟซบุ๊ก “เพจล่า” แจ้งข้อมูลว่ามีผู้ใช้แอปพลิเคชั่นไลน์นามแฝง “ปกิต” เผยแพร่ภาพลามกอนาจารเด็ก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนหาข่าวร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)

จนทราบว่าคือ นาย ปกิต และได้มาพักอาศัยอยู่ที่อพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งย่านประชาชื่น เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามพฤติกรรมของนายปกิต มักจะใช้ชีวิตอยู่กับเด็กในบริเวณที่พักอาศัยอยู่เป็นประจำ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการขอหมายค้นเลขที่ 49/2562 ลงวันที่ 17 มกราคม 2562 เข้าค้นอพาร์ตเมนต์ดังกล่าว พบนายปกิตแสดงตัวเป็นเจ้าของห้อง จึงได้ทำการควบคุมตัว

พล.ต.ต.สำราญ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำนายปกิต ให้การรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ดูแลอพาร์ตเมนต์และครั้นเมื่อตนอายุ 23 ปี เริ่มมีความชื่นชอบเด็กผู้ชายที่อายุประมาณ 13-17 ปี และรู้สึกมีอารมณ์อยากร่วมเพศพันธ์ด้วย ซึ่งเมื่อพบเห็นเด็กชายจะพยายามชักชวนไปตามสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น – ดินแดง , หอฬิกา ห้วยขวาง สวนรถไฟ และสวนจตุจักร

จากนั้นก็จะพาเหยื่อไปล่วงละเมิดทางเพศในห้องน้ำสาธารณะ มีวิธีการหลอกล่อให้เด็กมาร่วมเพศสัมพันธ์เพื่อแลกเงินในการเติมเงินเกมในโทรศัพท์ครั้งละ 100-900 บาท และรับว่ามีเพศสัมพันธ์กับเด็กมาแล้วกว่า 70 คน นับตั้งแต่ปี 2552 โดยไม่เคยสวมถุงยางอนามัย

พล.ต.ต.สำราญ เปิดเผยต่อว่า จากการตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของนายปกิต พบว่ามีสื่อลามกอนาจารเพื่อใช้ในการเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ของชายรักชายกว่า 10 กลุ่ม มีสมาชิกกว่า 500 คน เช่น กลุ่มเสือไบกลุ่ม เกย์มัธยม กลุ่มเกย์ใต้ กลุ่มเด็กมอต้น กลุ่มคนชอบเด็ก กลุ่มรักเด็กชาย เป็นต้น

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ครอบครอง เผยแพร่ สื่อลามกอนาจารเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือผู้อื่น” มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ และหากตรวจสอบพบว่าเป็นสื่อลามกอนาจารเด็ก มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปีหรือปรับไม่เกิน 140,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับนำตัวผู้ต้องหา ส่ง สน.ประชาชื่น ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ต้องหาเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางแก้วจับกุมดำเนินคดี ในข้อหาข่มขืน และโทษจำคุก 9 ปี แต่รับโทษจริงเพียง 5 ปี และพักโทษ 4 ปี และถูกควบคุมพฤติตั้งปี 2553-2556

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน