เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 8 ก.พ. พ.ต.อ.ทินกร สมวันดี ผกก.สน.พลับพลาไชย1 พ.ต.ท.ปรมะ ร่วมสุข รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย1 พ.ต.ต.กิจฐิพงศ์ ชูเมือง สว.สส.สน.พลับพลาไชย1 ได้ร่วมกันจับกุมนายนิวัฒน์ กันทา อายุ 45 ปี ในข้อหา “ลักทรัพย์” พร้อมของกลาง โทรศัพท์มือถือยี่ห้อวีโว้ จำนวน 1 เครื่อง และรถแท็กซี่ โตโยต้า สีชมพู ทะเบียน ทษ 2780 กรุงเทพมหานคร โดยจับกุมได้ภายในห้องเช่าไม่มีเลขที่ ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พลับพลาไชย 1 ได้รับแจ้งความจากน.ส.โจว จิง อายุ 33 ปี และน.ส.หวัง ยิง 31 ปี สองผู้เสียหายชาวจีน ว่าถูกคนขับรถถูกแท็กซี่ สีชมพู ทะเบียน ทษ2780 กรุงเทพมหานคร รับผู้เสียหายทั้ง 2 คน มาจากบริเวณศาลเจ้าพ่อเสือ ย่านคอกวัว เพื่อที่จะไปส่งที่บิ๊กซี ราชดำริ แต่เนื่องจากสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง ผู้เสียหายจึงได้ยื่นโทรศัพท์ให้กับคนขับ เพื่อทำการเปิดค้นหาแผนที่เดินทางให้ไปถึงจุดหมายดังกล่าว โดยวางโทรศัพท์ไว้ที่บริเวณหน้ารถ ต่อมาผู้เสียหายถูกคนขับไล่ลงจากรถแท็กซี่บริเวณหน้ารพ.หัวเฉียว โดยเอามือถือของผู้เสียหายติดไปด้วย

พ.ต.อ.ทินกร กล่าวว่า ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ติดตามทะเบียนรถแท็กซี่คันดังกล่าวจนทราบว่าเป็นรถเช่าอยู่ที่ สหกรณ์แท็กซี่อาสาสมัคร เลขที่ 1 ซอยบางแวก 84 แขวงคลองขวาง เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อไปถึงก็พบรถทะเบียนดังกล่าวจริง แต่ไม่พบคนขับ จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาไปอาศัยอยู่ที่บ้านเช่าไม่มีเลขที่ถนนกัลปพฤกษ์ แขวงบางว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบพบนายนิวัฒน์ กำลังนอนหลับอยู่ภายในห้องพัก โดยมีโทรศัพท์ผู้เสียหายวางอยู่ภายในห้องนอน จึงเข้าทำการจับกุมก่อนควบคุมตัวมาสอบสวน

จากการสอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เอามือถือของผู้เสียหายมาจริง โดยขณะเกิดเหตุผู้โดยสารยื่นโทรศัพท์เพื่อมาเปิดดูเส้นทาง แต่ระหว่างนั้นเกิดการสื่อสารไม่รู้เรื่อง ผู้โดยสารจึงบอกให้ตนจอดรถที่บริเวณดังกล่าว ก่อนจะหยิบเงินจ่ายค่าโดยสารมาให้จำนวน 100 บาท และเดินลงจากรถไปทันที โดยไม่ได้หยิบโทรศัพท์มือถือลงไปด้วย ตนจึงนำมาเก็บรักษาไว้

ด้านน.ส.โจว จิง หนึ่งในผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนเรียกรถแท็กซี่คันดังกล่าวจากศาลเจ้าพ่อเสือ เพื่อจะให้ไปส่งที่บิ๊กซี สาขาราชดำริ โดยเปิดจีพีเอสทิ้งไว้ และยื่นโทรศัพท์ให้กับคนขับ แต่เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ คนขับได้ไล่ตนเองกับเพื่อนที่มาด้วยกันลงจากรถ ก่อนจะข่มขู่ให้จ่ายเงินจำนวน 100 บาท ระหว่างนั้นตนพยายามขอโทรศัพท์คืน แต่คนขับไม่ให้ ก่อนจะขับรถออกไป ทั้งนี้ ต้องขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สามารถจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็ว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหา “ลักทรัพย์” กับนายนิวัฒน์ ก่อนนำตัวส่วพนักงานสอบสวนสน.พลับพลาไชย1 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติของนายนิวัฒน์ยังพบว่า เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองร้อยเอ็ด จับกุมในคดีข่มขืน เมื่อปี 2537 ต่อมาได้ถูกเจ้าหน้าตำรวจสน.บุคคโล จับกุมในคดีค้ายาเสพติดเมื่อปี 2559 นอกจากนี้ นายนิวัฒน์ยังเคยเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่ มีรถแท็กซี่ให้เช่ากว่าจำนวน 50 คัน แต่เนื่องจากติดการพนันและเสพยาจนต้องยกเลิกกิจการไป ก่อนจะหันมาเช่ารถแท็กซี่ขับและมาก่อเหตุดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน