เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณนิทรรศการ “เย็นศิระ เพราะพระบริบาล” ณ ท้องสนามหลวง ซึ่งจัดโดยคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา

โดยในวันนี้เจ้าหน้าที่เปิดให้ประชาชนที่มารอกราบพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และประชาชนที่สนใจเข้าชมนิทรรศการ โดยแบ่งออกเป็นรอบๆ ละ 100 คน ปรากฎว่าได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เมื่อมาถึงหน้าประตูทางเข้านิทรรศการ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้ผู้ที่จะเข้าชมทราบถึงกฎเหล็กที่ต้องปฏิบัติในระหว่างนี้ 3 ข้อ ได้แก่ ห้ามทานอาหารและเครื่องดื่มภายในนิทรรศการ ห้ามถ่ายภาพเคลื่อนไหว และที่สำคัญห้ามจับหรือสัมผัสสิ่งของที่นำมาแสดง ยกเว้นแต่จอทัชสกรีนสำหรับให้ข้อมูลต่างๆ ก่อนจะให้ประชาชนเข้าชม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นิทรรศการ ประกอบด้วย โซนแรก ภายใต้ชื่อว่า “บุญของแผ่นดินไทย” ประกอบด้วย 1.บูรพกษัตริย์ไทย สร้างชาติไทยให้มั่นคง 2.สืบสานตำนานราชวงศ์จักรี 3.พระเจ้าอยู่หัวในดวงใจ

โซนที่ 2 “พระราชาผู้ทรงธรรม (ทำ)” ประกอบด้วย 1.ในหลวงอย่าทิ้งประชาชน 2.พระราชพิธีบรมราชาภิเษก 3.พระผู้ครองแผ่นดิยโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” สร้างความมั่นคงในชีวิต การศึกษา และอาชีพ ด้วยหลักความพอเพียงและยั่งยืน 4.ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

โซนที่ 3 กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ ประกอบด้วย 1.สดุดีมหาราชา อันเป็นการจัดแสดงนิทรรศการที่นานาชาติ สรรเสริญพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และการไว้อาลัยจากนานาชาติ 2. พระผู้ทรงเป็นมากกว่าแรงบันดาลใจ โดยมีการจัดแสดงนิทรรศการการไว้อาลัย การจัดงานของคนไทยทั้งประเทศ 3.ส่งต่อความดีเพื่อพ่อบนฟ้า

โซนที่ 4 พระมิ่งขวัญชาวไทย อันประกอบไปด้วย พระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนถึงโซนที่ 5 ร้อยใจไทย โดยทอดพระเนตร 89 ภาพ พระราชกรณียกิจ และ 89 พระบรมราโชวาท และพระราชดำรัส

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อประชาชนที่ได้เข้าชมนิทรรศการ และเห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 นานับปการ หลายคนถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ โดยต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “คิดถึงพระองค์ท่าน” ก่อนที่จะร่วมกันตั้งปณิธานตามรอยพ่อด้วยการเขียนข้อความด้วย ที่โซนกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ อาทิ ขอเป็นข้ารองบาท และทหารของพ่อทุกชาติไป, คิดถึงพระองค์ท่าน พ่อของแผ่นดิน จะทำตามคำสอนพ่อ, ขอเป็นคนดีและน้อมนำคำสอนของพระองค์ เป็นต้น

นายสุรพล อารีย์มิตร อายุ 59 ปี พร้อมภรรยา นางประนอม อารีย์มิตร อายุ 60 ปี ประชาชนที่ตั้งใจเดินทางมาชมนิทรรศการเปิดเผยระหว่างชมนิทรรศการว่า ตนและภรรยาเดินทางมากราบสักการะพระบรมศพเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ในหลวง ร.9 ที่ทรงประกอบพระราชกรณียกิจนานับปการเพื่อประชาชนชาวไทย โดยเมื่อคืนดูโทรทัศน์ถ่ายทอดเห็นในหลวงเสด็จฯ มาเปิดนิทรรศการ ตนรู้สึกปลาบปลื้มใจ จึงอยากจะมาดูด้วยตัวเอง เมื่อได้มาเห็นนิทรรศการ มีพระราชประวัติ รวมถึงพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง ร.9 จำนวนมากที่ไม่เคยเห็นมาก่อน รู้สึกประทับใจ และตื้นตันใจ อยากให้คนไทยได้มาชมกัน

“ผมได้ถวายคำปฏิญาณต่อพระองค์ท่าน ด้วยการเขียนข้อความว่าจะทำความดีถวายพระองค์ อยู่ในสังคมโดยไม่เบียดเบียนผู้อื่น และขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป แม้ว่าจะเทียบไม่ได้สักนิดกับสิ่งที่พระองค์ทำตลอดพระชนม์ชีพ แต่ผมก็พร้อมที่จะน้อมนำสิ่งต่างๆ ไปใช้ชีวิตตลอดไป” นายสุรพล กล่าวด้วยความตื้นตันใจ

นายวีระวัฒน์ พัฒนกุลชัย ข้าราชการบำนาญวัย 62 ปี เผยทั้งน้ำตาว่า พอเข้ามาแล้ว ได้เห็นพระราชจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของในหลวง ร.9 ที่ทรงมอบให้กับประชาชนชาวไทยอย่างใหญ่หลวง ไม่มีสิ่งใดเปรียบเทียบได้ก็รู้สึกตื้นตันใจ ภูมิใจ ก่อให้เกิดแรงบันดาลอยากทำความดีเพื่อถวายพระองค์ท่านต่อไป

“เลือกไม่ได้ว่าประทับใจโซนไหนเป็นพิเศษ เพราะในแต่ละโซนล้วนมีคุณค่ามหาศาล อยากให้ทุกคนมาร่วมรำลึกถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ว่าทรงอุทิศพระวรกายสร้างคุณประโยชน์อันยิ่งใหญ่ให้ประชาชนคนไทยตลอดระยะเวลาที่ทรงครองราชย์ 70 ปี เชื่อว่าหากได้เข้ามาชมกันแล้ว น่าจะเกิดก่อแรงบันดาลใจในการดำรงชีวิตที่จะรักษาชาติบ้านเมือง ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนคนไทยให้สืบต่อไป โดยเฉพาะในหลักคำสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งช่วยทำให้คนเราไม่ประมาทมีเหตุมีผลที่จะใช้ชีวิต เป็นหลักคำสอนที่ชัดเจนอีกทั้งยังสัมผัสได้มากที่สุด” นายวีระวัฒน์ ด้วยความปลาบปลื้ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน