ทนายพาพ่อแม่หนุ่มออทิสติกวัย 32 เข้าร้องกองปราบฯ เอาผิด ตำรวจ 12 นาย พร้อมทั้งแพทย์ กรณีแถลงข่าว และออกหมายจับนายฝน ข้อหาพรากผู้เยาว์ น้องต้าแง ด.ช.ชาวเมียนมา ที่ตายในไร่อ้อย จ.สุพรรณบุรี

น้องต้าแง / เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่กองปราบปราม นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ พานายทองขวัญ ฉิมมา หรือ ฝน อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาคดีพรากผู้เยาว์ ด.ช.ซูลุยผิว หรือ น้องต้าแง เด็กชาวเมียนมาวัย 2 ขวบ ที่เสียชีวิตอยู่ในไร่อ้อยที่อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี พร้อมด้วยนายสมจิตร ฉิมมา อายุ 70 ปี นางพยุง สร้อยทอง อายุ 63 ปี พ่อและและแม่ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุรชัย จันทรมณี พนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีเอาผิดกับตำรวจ 12 นาย ชุดทำคดีและแพทย์ที่ลงความเห็นว่า คำให้การของนายฝนเชื่อถือได้

ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เป็นเจ้าหน้าที่ปลอมแปลงเอกสาร กลั่นแกล้งผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญา และหน่วงเหนี่ยวกักขัง ฐานที่บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนสมบูรณ์ กรณีแถลงข่าวและออกหมายจับนายฝน ในข้อหาพรากผู้เยาว์

นายอนันต์ชัยกล่าวว่า เนื่องจากคดีสอบสวน โดยชี้นำพยานให้เป็นไปตามความต้องการของพนักงานสอบสวน และละเว้นสอบสวนพยานบางปาก อีกทั้งยังไปควบคุมตัวนายฝนที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์อย่างไม่ถูกต้อง โดยให้นายฝนพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบหมายจับ ทั้งที่นายฝนไม่อยู่ในสภาพเหมือนเช่นคนปกติ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเคยไปร้องเรียนที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบสวนทางวินัยกับตำรวจชุดดังกล่าวด้วยแล้ว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

นายอนันต์ชัยกล่าวต่อว่า จะเห็นได้ว่านายฝนพูดจาและเล่าเรื่องราวกับสื่อมวลชน พูดจาวกไปวนมา เรียบเรียงเหตุการณ์ไม่ได้ เป็นการพิสูจน์ว่านายฝนไม่ได้อยู่ในสภาพเหมือนบุคคลทั่วไป

ซึ่งผลการตรวจสติปัญญาของสถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์ ก็ยังระบุด้วยว่า นายฝนเป็นคนปัญญาอ่อน อายุเทียบเท่าเด็กอายุ 7 ขวบ แต่ตำรวจชุดที่ทำคดีนี้กลับไม่สอบสวนพยานให้ครบถ้วนกระบวนความ ซึ่งขณะนี้คดีเป็นที่สิ้นสุดแล้ว เนื่องจากตำรวจยื่นคำร้องขอปล่อยตัวต่อศาล เพราะนายฝนไม่อยู่ในสภาพของคนปกติ คดีนี้ถือเป็นความบกพร่องของตำรวจชุดทำคดี จึงจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป

ขณะที่นายฝน ก็กล่าวสั้นๆ ด้วยว่า ระหว่างที่ตนถูกควบคุมตัวไป ตำรวจยังใช้เชือกมัดมือ ตบหน้า และใช้บุหรี่จี้ที่ข้อมือของตนด้วย

เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำผู้ร้องเรียนไว้เป็นหลักฐาน ก่อนจะส่งคดีต่อให้พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในวงราชการ หรือ บก.ปปป. ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน