เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรณธนะ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งคสช.ใช้มาตรา 44 ประกาศพื้นที่ควบคุมพิเศษ เพื่อเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ว่า การใช้คำสั่งดังกล่าวไม่ได้กำหนดระยะเวลาปฏิบัติไว้ โดยเปิดกว้างไว้ให้พิจารณาตามความเหมาะสม และหัวหน้าคสช.มีอำนาจยกเลิกคำสั่งดังกล่าวได้ การปฏิบัติการในวันนี้และในวันต่อไปจะยึดหลักกฎหมายในการดำเนินการตามขั้นตอน เป็นการปฎิบัติการตรวจค้นตามกฎหมายปกติ ตามที่ศาลได้ออกหมายค้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจค้น ซึ่งคำสั่งคสช.ดังกล่าว เป็นการอำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ในกาปฏิบัติงาน ส่วนการเลือกใช้มาตรการหรือวิธีการเป็นดุลยพินิจ ของอธิบดีดีเอสไอ
“ผมขอเรียนว่าวัตถุประสงค์ใหญ่ของการดำเนินการครั้งนี้เป็นการดำเนินการตามหมายค้น ที่ศาลอาญาอนุมัติหมายค้นให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดังนั้น งานที่ต้องทำคือต้องทำตามหมายค้นให้ประสบความสำเร็จ คือการไปตรวจค้น ไปวัดพระธรรมกาย ส่วนวิธีการจะไปดำเนินการยังไงเป็นเรื่องของอธิบดีดีเอสไอ” นายสุวพันธุ์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตามคำสั่ง คสช.จะสามารถเรียกบุคคลใดมารายงานตัวได้ทันที นายสุวพันธ์ กล่าวว่า สามารถได้ทันที ถ้ามีใครขัดขืนในคำสั่งก็มีโทษกำหนดไว้ชัดเจน ทั้งหมดเป็นเรื่องของอธิบดีดีเอสไอปฏิบัติการหรือเป็นไปตามกฎหมายของดีเอสไอ เพราะเมื่อมีหมายจับก็ต้องนำตัวผู้ต้องหาไปส่งให้อัยการ เพราะอัยการสั่งฟ้องแล้วแล้วศาลก็อนุมัติหมายค้นเป็นไปตามขั้นตอน
เมื่อถามว่า ถ้าเข้าไปค้นแล้วไม่พบตัวพระธัมมชโยจะทำอย่างไร หรือถ้าพบตัวจะต้องปาราชิกหรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า เรื่องที่นอกเหนือหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม อย่าเพิ่งไปพูด เรื่องมันไม่ใช่หน้าที่ของกระทรวงยุติธรรม อันดับแรกต้องเข้าไปตรวจค้นก่อนพบหรือไม่พบค่อยมาว่ากัน ดังนั้นถ้าจะมาสมมติพูดแล้วทำอย่างไรทำยังไง คงต้องค้นให้ทั่วก่อนตามระยะเวลาที่ได้หมายค้นจากศาล ส่วนจะได้ข้อยุติหรือแล้วเสร็จในวันนี้หรือไม่ ต้องให้ดีเอสไอดำเนินการก่อน
ถามต่อว่า ตอนนี้ได้ใช้กฎหมายพิเศษที่สุดที่มีอยู่ หากยังไม่ได้ตัวเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายหรือไม่พบตัว จะดำเนินการอย่างไรวางแผนไว้หรือไม่ นายสุวพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้ขอแค่ให้เข้าไปให้ได้ก่อน เห็นตัวหรือไม่ให้พบก่อน จากนั้นค่อยพูดได้ว่าเราจะต้องทำอย่างไร
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากยังไม่มีการมอบตัวหรือขัดขวางเจ้าหน้าที่เหมือนเดิมจะดำเนินการอย่างไร นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า อันนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะเจ้าหน้าที่สามารถเรียกตัวจับกุมตัวได้ คนที่ขัดขวางมาดำเนินการได้ มีอำนาจทำได้ จะต้องไม่เหมือนเดิม ไม่มีการเจรจา เมื่อเช้าเป็นการเอาหมายค้นเข้าไปแสดงให้เห็น
เมื่อถามว่า ได้รับรายงานล่าสุดว่าพระธรรมชัยโยยังอยู่ในวัดหรือไม่ สุรพันธ์ กล่าวว่า ตอนนี้เรายังยึดไว้ ท่านอยู่ ถ้าไม่อยู่ ศาลคงไม่อนุมัติใหม่ให้ ตามข้อมูลของดีเอสไอ ส่วนจำนวนญาติโยมที่ยังอยู่ในวัดมีจำนวนเท่าไหร่ นายสุวพันธุ ระบุว่า คาดว่าจะประมาณหลักพันคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการขอหมายค้นในระยะเวลาไม่เท่าไหร่เป็นอาทิตย์หรือไม่ นายสุวพันธุ์ กล่าวว่า ใช่ เป็นอาทิตย์ ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตัดน้ำ ตัดไฟ ทุกอย่างเป็นดุลยพินิจของอธิบดีดีเอสไอ
