เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 18 ก.พ. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมฺพโร) สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบ เพื่อทรงไปถวายสักการะพระอัฐิอดีตสมเด็จพระสังฆราช 11 พระองค์

เวลา 13.55 น. สมเด็จพระสังฆราชเสด็จถึงวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม หรือวัดโพธิ์ ทรงเสด็จทางลาดพระบาทขึ้นไปยังกุฏิ น.16 เพื่อถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (สุวณฺณรํสีมหาเถร) พระองค์ที่ 7 ภายในตำหนักวาสุกรี จากนั้นเสด็จขึ้นตำหนักสมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 17 (หอประชุมสงฆ์ น.16) เพื่อถวายสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระอิรยวงศาคตญาณ (ปุณ ณสิริมหาเถร) พระองค์ที่ 17

เวลา 14.30 น. เสด็จถึงวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ราชวรมหาวิหาร เสด็จขึ้นยังพระอุโบสถ ทรงถวายสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระอริยวงษญาณ (ศุข) พระองค์ที่ 2 สมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี) พระองค์ที่ 3 สมเด็จพระอริยวงษญาณ (สุก) พระองค์ที่ 4 และสมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน) พระองค์ที่ 5

จากนั้นเวลา 14.55 น. เสด็จถึงวัดวัดบวรนิเวศราชวรมหาวิหาร เสด็จขึ้นยังตำหนักเพ็ชรเพื่อสักการะพระพุทธรูป ก่อนสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรฯ จะเชิญเสด็จขึ้นตำหนักจันทร์ เพื่อถวายสักการะพระอัฐิ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์ (ปญฺญาอคฺคมหาเถร) พระองค์ที่ 8 สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวงศ์ (มนุสฺสนาคมหาเถร) พระองค์ที่ 10 สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ (สุจิตฺตมหาเถร) พระองค์ที่ 13 และสมเด็จพระญาณสังวร (สุวฑฺนมหาเถร) พระองค์ที่ 19

กระทั่งเวลา 15.50 น. สมเด็จพระสังฆราชเสด็จถึงวัดมกุฏวัดมกุฏกษัตริยารามราชวรมหาวิหาร เสด็จยังชั้น 3 อาคารพิพิธภัณฑ์ ถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อุฎฐายีมหาเถร) พระองค์ที่ 16 เป็นลำดับสุดท้าย ก่อนเสด็จรถยนต์พระประเทียบกลับวัดราชบพิธฯ

พระพรหมมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธฯ ในฐานะเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า ในการเสด็จถวายสักการะพระอัฐิอดีตสมเด็จพระสังฆราชทั้ง 4 วัด จำนวน 11 พระองค์นั้น สมเด็จพระสังฆราชได้ถวายพัดรองตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์ “ออป” และพานพุ่มตามจำนวนสมเด็จพระสังฆราชในแต่ละวัด ที่เสด็จไปสักการะพระอัฐิ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการเสด็จถวายสักการะพระอัฐิทั้ง 4 วัด สมเด็จพระสังฆราชได้ทรงถามคณะสงฆ์ถึงสภาพความเป็นอยู่จำนวนของภิกษุ สามเณรด้วย ซึ่งตลอดเส้นทางเสด็จมีพุทธศาสนิกชน รวมทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรอเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชเป็นจำนวนมาก ขณะที่ภายในพระอารามทั้ง 4 วัด ก็มีพุทธศาสนิกชนที่ทราบข่าวพร้อมใจกันมามารอเฝ้ารับเสด็จ แน่นขนัดเช่นเดียวกัน โดยหลายคนได้เตรียมพวงมาลัยใส่พานทองมารอถวายเป็นพุทธบูชาด้วย โดยจุดสุดท้ายคือวัดมกุฏกษัตริยารามนั้น สมเด็จพระสังฆราชประทานให้ประชาชนเข้าถวายสักการะอย่างใกล้ชิดก่อนเสด็จกลับวัดราชบพิธฯ ยังความปลาบปลื้มปีติอย่างหาที่สุดมิได้ของศิษยานุศิษย์อีกด้วย

นางวรกัณญา ชุติวัตโภคิณ อายุ 78 ปีชาว จ.อยุธยา เปิดเผยว่า หลังจากทราบข่าวว่าสมเด็จพระสังฆราช จะเสด็จมาสักการะพระอัฐิอดีตสมเด็จพระสังฆราช จึงเดินทางมารอถวายสักการะและชื่นชมพระบารมีพร้อมกับ น.ส.สุข แซ่โว้ อายุ 65 ปี ชาวจ.ปทุมธานี หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 13 ก.พ. เดินทางไปเข้าถวายสักการะที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ตั้งแต่เวลา 12.00-16.00 น. แต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯอย่างใกล้ชิด เพราะพุทธศาสนิกชนต่างพร้อมใจมาเข้าเฝ้าชื่นชมพระบารมีจนแน่นขนัดไปทั้งวัด วันนี้จึงตั้งมั่นว่าจะต้องชื่นชมพระบารมีให้เห็นกับตาตัวเองให้ได้ รวมทั้งหากมีโอกาสจะขอถ่ายรูปเอาไว้เพื่อบูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับกำหนดการเสด็จ ในวันที่ 19 ก.พ.นี้ เวลา 14.00 น.สมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบไปทรงถวายสักการะพระอัฐิสมเด็จพระสังฆราช และอัฐิสมเด็จพระราชาคณะ ที่วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร, วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร, วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร, วัดสัมพันธวงศ์ จากนั้นสมเด็จพระสังฆราชจะเสด็จไปทรงถวายสักการะสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (ช่วง วรปุญฺโญ) ที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ และเสด็จยังวัดสุทัศเทพวรารามราชวรมหาวิหาร ตามลำดับ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน