เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 ก.พ. ที่ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ สายันประเสริฐ รองผบก.ทท. และพ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิล ผกก.สายตรวจฯ ร่วมกันแถลงผลปราบปรามการกระทำผิดกับนักท่องเที่ยว กรณีหลอกลวงและเอาเปรียบนักท่องเที่ยว จะส่งผลเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทย โดยเริ่มจากพื้นที่สน.พระราชวัง และสน.ชนะสงคราม ซึ่งเป็นพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์และบริเวณโดยรอบ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เทศกิจ กว่า 200 นาย ร่วมตรวจสอบ

พล.ต.อ.อัศวิน กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่สั่งให้มีการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดกับนักท่องเที่ยวนั้น มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการ จึงสั่งให้พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ พล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.เป็นผู้ดำเนินการ โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมากองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ(บก.สปพ.) กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว(บก.ทท.) เจ้าหน้าที่ของกทม. และผู้เกี่ยวข้องได้บูรณาการทำงานร่วมกัน

โดยตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก รถจักรยานยนต์รับจ้าง บริเวณรอบพระบรมมหาราชวัง รับนักท่องเที่ยวไปส่งบริเวณร้านจิวเวลรี่ ร้านตัดสูท การกระทำดังกล่าวทำให้นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่พอใจ และมาร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่บ่อยครั้ง จึงอยากจะขอร้องให้คนขับรถบริการต่างๆ อย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวเลย เพราะประเทศไทยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะที่สุดในโลก หากกลุ่มรถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้างกระทำดังกล่าวไปเรื่อยๆ ต่อไปนักท่องเที่ยวก็จะไม่มาเที่ยวที่ประเทศไทยอีก และเอาไปพูดต่อ จะส่งผลกระทบต่อประเทศชาติ ส่วนท่านก็จะหมดอาชีพไปโดยปริยาย

ด้านพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวร้องเรียนว่ามีกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้างชักชวนให้ขึ้นรถ และนำมาส่งตามร้านจิวเวลรี่ ร้านตัดสูท เข้าข่ายพฤติกรรมจูงแขก ในส่วนนี้เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการทางกฎหมาย แต่นักท่องเที่ยวส่วนมากไม่ประสงค์จะดำเนินการ เนื่องจากจะต้องใช้เวลาหลายวัน จึงอยากฝากไปถึงกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์รับจ้าง อย่าเอาเปรียบนักท่องเที่ยวอีก เพราะถ้าเอาไปพูดต่อ จะไม่มีคนมาเที่ยวในประเทศไทย และจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว

ในวันนี้ได้กวาดล้างผู้กระทำความผิด จำนวน 75 ราย ในฐานความผิดก่อความเดือดร้อนรำคาญแก่บุคคลในที่สาธารณะ 15 ราย, จอดรถในที่ห้ามจอด 40 ราย, ขายของบนทางเท้า 11 ราย, ใช้รถโดยสารโดยไม่ได้รับอนุญาต 3 ราย, ขี่รถโดยสารสาธารณะแต่งกายไม่ถูกต้อง 2 ราย ฉ้อโกงค่าโดยสาร 1 ราย ปฏิเสธผู้โดยสาร 3 ราย เบื้องต้นนำตัวมารับทราบข้อกล่าวหา เปรียบเทียบปรับ และอบรมพร้อมทำประวัติ หากพบการกระทำความผิดซ้ำ จะต้องเพิกถอนใบอนุญาตหรือดำเนินการขั้นเด็ดขาด ในส่วนของค่าปรับนั้นขั้นต่ำคือ 3,000 บาท ทางผู้ว่ากทม.เล็งเห็นว่าเป็นการป้องปรามครั้งแรก จึงประสานมาว่าค่าปรับขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน จึงเปรียบเทียบปรับในราคาลดราคาลงมา ก่อนจะปล่อยตัวไป

ผบก.สปพ. กล่าวต่อว่า มาตรการกวดขันจับกุมในครั้งนี้ถือว่าเป็นการเริ่มปฏิบัติการครั้งแรก หลังจากนี้จะดำเนินการอย่างเข้มงวด จริงจัง ต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว โดยจะกระทำเช่นนี้ทุกสัปดาห์ เน้นพื้นที่ที่พบการร้องเรียน อาทิ รอบพระบรมมหาราชวัง วัด สนามหลวง ท่าเตียน ท่าช้าง และท่าน้ำต่างๆเป็นหลัก รวมทั้งห้างสรรพสินค้าต่างๆ

“ขอชี้แจงว่าถ้าพบเห็นกระทำผิดเกี่ยวกับนักท่องเที่ยว จะจับกุมและนำมาเสียค่าปรับ หรืออาจจะส่งศาลดำเนินคดี ต่อไปนี้สิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือการไม่รับผู้โดยสาร หรือรับผู้โดยสารมาแล้วแต่ไม่กดมิเตอร์ รวมทั้งการขายสินค้าอาหารในราคาแพงให้กับนักท่องเที่ยวในราคาเกินจริง จะต้องไม่มี ในส่วนมาเฟียในกลุ่มรถแท็กซี่ รถตุ๊กตุ๊ก และรถจักรยานยนต์นั้น แนวทางการสืบสวนขอยืนยันว่าไม่มีแน่นอน หรือหากพบจะเร่งดำเนินการต่อไป” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน