ยกฟ้อง แกนนำพันธมิตร คดีล้อมสภา 7ต.ค.51 ชี้ เป็นการชุมนุมโดยสงบ

เมื่อเวลา 10.00 น.ที่ห้องพิจารณาคดี 701 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 10 ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. อดีตแกนนำ พธม. – แนวร่วม รวม 21 คน เป็นจำเลยที่ 1-21 ในความผิด 5 ข้อหา ฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือหรือวิธีการอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกฎหมายแผ่นดินหรือรัฐบาล

โดยใช้กำลังข่มขืนใจหรือใช้กำลังประทุษร้ายเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, เป็นหัวหน้าหรือเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ใช้กำลังประทุษร้ายขู่เข็ญว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายหรือกระทำการอย่างหนึ่ง อย่างใดทำให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง

โดยผู้กระทำมีอาวุธ และเมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิกมั่วสุม, ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยมีอาวุธ หรือโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, 215, 216, 309 และ 310

ตามฟ้องโจทก์เมื่อเดือน ธ.ค.55 บรรยายความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 5 – 7 ต.ค.51 จำเลยและกลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนหลายพันคน ร่วมมั่วสุมภายในทำเนียบรัฐบาล ซึ่งตั้งเวทีปราศรัย และได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มพันธมิตรฯ ทั้งประเทศไปรวมตัวปิดล้อมรัฐสภาไม่ให้ ส.ส.และ ส.ว.และ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เข้าร่วมประชุมสภา โดยวันที่ 7 ต.ค.51 กลางวัน จำเลยกับพวกใช้รถยนต์บรรทุก 6 ล้อติดเครื่องขยายเสียงเคลื่อนพร้อมนำลวดหนามชนิดหีบเพลง และแผงกั้นเหล็กยางรถยนต์ผ่านไปลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อขวางบริเวณรอบรัฐสภาทำให้ประชาชนไม่สามารถผ่านไปได้

และปราศรัยปลุกระดมให้ล้อมรัฐสภา เป็นเหตุให้ ส.ส.และส.ว.บางส่วนเดินทางเข้าไปประชุมสภาไม่ได้ และจำเลยกับพวกยังร่วมกันข่มขืนใจนายสุริยา ปันจอร์ ส.ว.สตูล, นายมณฑล ไกรวัตนุสรณ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคเพื่อไทย, นายปัญญา ศรีปัญญา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย และข้าราชการฝ่ายการเมืองหลายคน

โดยไล่ให้กลับบ้านและขู่ให้กลัวว่าจะใช้กำลังประทุษร้ายก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิต และยังมีการโห่ร้อง ด่าทอ ใช้หนังสติ๊ก อาวุธปืนยิง มีดฟันใช้ปลายธงทำด้วยเหล็กปลายแหลมแทงเจ้าหน้าที่รับบาดเจ็บสาหัส 1 คน แถมยังมีการนำโซ่ไปล็อกกุญแจทางเข้า – ออกสภาทุกด้าน พร้อมประกาศขู่ว่าหากไม่ยุบสภาในเวลา 18.00 น.จะจับตัวประธานสภา และประธานวุฒิสภา รวมทั้งสมาชิกทั้งหมด ซึ่งสมาชิกรัฐสภาบางส่วนได้ปีนกำแพงหนีออกทางด้านพระที่นั่งวิมานเมฆขณะที่เจ้าหน้าที่หลายคนถูกขังอยู่เป็นเวลาหลายชั่วโมง

ต่อมาเวลากลางคืน จำเลยกับพวกยังได้ปราศรัย ยุยงให้กลุ่มพันธมิตรฯ จำนวนหลายพันคน โดยมีอาวุธ มีด ปืน ไม้กระบอง ธง หนังสติ๊ก ฯลฯ เคลื่อนไปหน้าอาคารรัฐสภาและปิดล้อมทางเข้าออก และได้นำน้ำมันราดบนถนนหน้ารัฐสภาและขู่ว่าจะใช้กำลังประทุบร้าย ส.ส.และ ส.ว. รวมทั้งใช้รถกระบะ ทะเบียน วพ1968 กทม. ที่ขับขี่โดยนายปรีชา ตรีจรูญ ขับรถพุ่งไล่ชนเจ้าหน้าที่ตำรวจที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ได้รับบาดเจ็บหลายราย ซึ่งอัยการได้แยกฟ้องจำเลยต่อศาลอาญาไปแล้ว ในชั้นสอบสวนจำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธโดยโจทก์ได้ขอให้ศาลพิพากษานับโทษ นายสนธิ จำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีหมิ่นประมาท 4 สำนวนและ พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 อีก 1 สำนวนด้วย

โดยศาลประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำ อ.4924/2555 ซึ่งศาลสอบคำให้การจำเลยแล้ว ทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่จำเลยบางส่วนได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี คนละ 200,000 บาท

วันนี้จำเลยที่ได้รับการประกันตัวเเละจำเลยที่ถูกขังตามคำพิพากษาคดีบุกทำเนียบถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่นำสืบของคู่ความทั้งสองเเล้ว เห็นว่าการที่เเกนนำปราศรัยให้ประชาชนมาชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ที่ถูกมองว่าเป็นตัวเเทนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นการปราศรัยให้ความรู้ต่อประชาชนในการตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล โดยมีการตั้งข้อสังเกตถึงการขึ้นสู่ตำเเหน่งนายกรัฐมนตรีของนายสมัคร สุนทรเวช ที่มีการพยายามเเก้ไขรัฐธรรมนูญที่ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ประโยชน์ในเรื่องที่ถูก คตส.ตรวจสอบเรื่องทุจริตเเละกรณีที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรค รวมถึงคดีที่ทำให้กัมพูชาได้ขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก

อีกทั้งการชุมนุมจองจำเลยทั้ง 21 เป็นการชุมนุมเเสดงสัญลักษณ์ มีการปราศรัยที่สมเหตุผล ห้ามปรามไม่ให้ก่อความรุนเเรง ถือเป็นการชุมนุมโดยสงบตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 50 มาตรา 63 ได้รองรับไว้ เเละเเม้จะมีการกีดขวางกระทบการจราจรไปบ้างเเต่ก็เป็นปกติของการชุมนุมเเสดงออกตามสิทธิ การชุมนุมตั้งเเต่วันที่ 5-7 ต.ค.ไม่ปรากฏว่ามีความรุนเเรงหรือมีผู้ใดฝ่าฝืนทำให้ทรัพย์สินเสียหาย

เเต่ความวุ่นวายในการชุมนุมในช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.เริ่มจากมีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังยิงเเก๊สน้ำตาสลายการชุมนุมเปิดทางให้นายสมชาย เข้าไปเเถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยพลันด่วน ทำให้ผู้ชุมนุมซึ่งไม่ทันตั้งตัวเเละได้รับบาดเจ็บความเสียหายไม่สามารถระงับอารมณ์ขว้างปาขวดน้ำสิ่งของโต้ตอบกรณีเป็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากการถูกละเมิดสิทธิ ไม่ใช่ว่าการชุมนุมที่ผ่านมาของกลุ่มจำเลยก่อนหน้านั้นจะไม่สงบ

อีกทั้งเหตุการณ์อื่นตามฟ้องของอัยการก็ไม่ปรากฏว่ามีเเกนนำไปอยู่บริเวณที่เกิดเหตุที่จะเกี่ยวข้อง เเละเป็นผลต่อเนื่องจากการที่ผู้ชุมนุมถูกสลายการชุมนุมเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ต.ค.การกระทำของจำเลยทั้ง 21 จึงเป็นการชุมนุมโดยสงบ ตามรัฐธรรมนูญพิพากษายกฟ้อง

สำหรับจำเลยทั้ง 21 คน ประกอบด้วย
1.นายสนธิ ลิ้มทองกุล อายุ 70 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
2.นายพิภพ ธงไชย อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
3.นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อายุ 68 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
4.นางมาลีรัตน์ แก้วก่า อายุ 65 ปีเศษ อดีต ส.ว.สกลนคร และอดีตแกนนำพธม.รุ่น 2
5.นายประพันธ์ คูณมี อายุ 61 ปีเศษ อดีต สนช.
6.นายสมศักดิ์ โกศัยสุข อายุ 72 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.
7.นายสุริยะใส กตะศิลา อายุ 45 ปีเศษ อดีตผู้ประสานงาน พธม.
8.นายอมร อมรรัตนานนท์ หรือนายรัชต์ยุตม์ ศิรโยธินภักดี อายุ 58 ปีเศษ แนวร่วม พธม.
9.นายสำราญ รอดเพชร อายุ 60 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. รุ่นที่ 2
10.นายศิริชัย ไม้งาม อายุ 57 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม. รุ่นที่ 2
11.นายสาวิทย์ แก้วหวาน อายุ 56 ปีเศษ อดีตแกนนำ พธม.รุ่นที่ 2
12.นายพิชิต ไชยมงคล อายุ 37 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
13.นายอำนาจ พละมี อายุ 52 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
14.นายกิตติชัย ใสสะอาด อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
15.นายประยุทธ วีระกิตติ อายุ 63 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
16.นายสุชาติ ศรีสังข์ อายุ 58 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
17.นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อายุ 61 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
18.นายศุภผล เอี่ยมเมธาวี อายุ 59 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
19.น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก อายุ 53 ปีเศษ อดีตแนวร่วม พธม.
20.นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 อายุ 64 ปีเศษ
21. นายวีระ สมความคิด อายุ 61 ปีเศษ นักสิทธิมนุษยชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน