เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 22 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และรองโฆษก ดีเอสไอ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีผลการเจรจาระหว่างดีเอสไอกับทางวัดพระธรรมกาย นานกว่า 6 ชั่วโมง เพื่อเข้าตรวจค้นวัดพระธรรมกายในพื้นที่โซนเอและบีไม่เป็นผลสำเร็จ ว่า เบื้องต้นพ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ รายงานผลการเจรจามายังที่ประชุมแล้ว ซึ่งมีพ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เป็นประธานการประชุม ซึ่งผลการเจรจาไม่สำเร็จ ภายหลังพระทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติการตรวจค้นภายในวัดพระธรรมกาย ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ก็จะไม่มีการเจรจากันอีก

พ.ต.ต.วรณัน กล่าวต่อว่า อธิบดีดีเอสไอ ในฐานะผู้อำนวยการ ก็ได้สั่งเคลื่อนกำลังเข้าปฏิบัติการตามแผนที่ได้กำหนดไว้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็คงเข้าสู่การปฏิบัติอย่างเต็มรูปแบบ โดยกำลังเจ้าหน้าที่ที่เข้าร่วมปฏิบัติการในครั้งนี้มีทั้งเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ทหาร และตำรวจ เพียงแต่ที่ผ่านมา เราเองเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งมีอำนาจเต็มในการดำเนินการ แต่ก็พยายามจะใช้วิธีการจากเบาไปหาหนักมาโดยตลอด เพื่อไม่ให้เกิดภาพลักษณ์ที่มันไม่ดี และก็จะเห็นได้จากตามโซเชียลมีเดียว่าจะเป็นวัดหรือมือที่สาม จะทำให้ภาพลักษณ์เกิดความเสียหายไปมาก ซึ่งเราเองก็ไม่ได้สบายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“แต่สุดท้ายผลการเจรจามันก็สะท้อนอะไรบางอย่างออกมาว่า ทำไมถึงไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติ เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีการพูดคุยกัน ก็เข้าสู่การปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งขณะนี้อธิบดีดีเอสไอได้สั่งการไปแล้ว และเคลื่อนกำลังแล้ว” พ.ต.ต.วรณัน กล่าวและว่า สำหรับแผนปฏิบัติการนั้น ตนไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด แต่ทุกคนจะเห็นในตอนปฏิบัติอยู่แล้ว เนื่องจากการรักษาข้อมูลการข่าวและการปฏิบัติถือเป็นเรื่องที่สำคัญในการปฏิบัติการภาพรวมใหญ่ ทั้งนี้ กำลังเจ้าหน้าที่นั้นตนไม่ขอพูดถึงตัวเลข แต่มีกำลังมากกว่าครั้งที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากพบผู้กระทำความผิดขัดขวางการปฏิบัติการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็จะถูกจับกุมดำเนินคดีตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2560

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่หวั่นเกิดเหตุการณ์ปะทะกันหรือไม่ พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ก็มีข้อห่วงใยทั้งสองฝ่าย คือทางวัดพระธรรมกายและเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วนปฏิบัติการในครั้งจะมีการกำหนดกรอบเวลาหรือไม่ว่าต้องปฏิบัติการให้แล้วเสร็จในเวลาไหนนั้น คงตอบได้ 2 ข้อ คือ 1.ภารกิจเสร็จ และ 2.ประเมินสถานการณ์ ส่วนการเข้าค้นในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นไปตามหมายค้น คือเพื่อจับกุมผู้ต้องหาที่กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่มีแผนรองรับการปฏิบัติการในครั้งนี้ไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้าน พ.ต.ต.สุริยา กล่าวว่า วันนี้ทางด้านเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ พร้อมกับเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีปรึกษาหารือเพื่อขอตรวจค้นเข้าวัดพระธรรมกายอีกครั้ง อยากทราบสถานการณ์ภายในวัด ซึ่งทางด้านเจ้าหน้าที่ทราบว่ามีกลุ่มมวลชนจำนวนมากที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ และความไว้ใจที่มันคลาดเคลื่อน เพราะมีกลุ่มบุคคลเข้าไปปลุกปั่นและปลุกกระแส ในวัดพระธรรมกาย ซึ่งการดำเนินการในช่วงเช้าทางด้านเจ้าหน้าที่เชิญแกนนำของกลุ่มลูกศิษย์และประชาชนที่อยู่ภายในวัดพระธรรมกายมาประชุมร่วมกัน

ท้ายที่สุดแล้วหลังจากที่ทางตัวแทนของวัดมาประชุมปรึกษาหารือกับทางเจ้าหน้าที่ และกลับไปบริการลูกศิษย์ของวัดพระธรรมกายนั้น กลุ่มมวลชนก็ยังมีข้ออ้างว่ายังไม่เข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเมื่อช่วงเช้า ต้นให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไปแล้วว่าการเข้าไปอีกครั้งภายในวัดพระธรรมกายนั้น ด้วยเหตุผลอะไร ทำไมทางเจ้าหน้าที่ จึงต้องมีการดำเนินการ ซึ่งกลุ่มมวลชนใช้คำว่าเข้าค้นซ้ำซาก ซึ่งเมื่อมีการประสานงานเข้าไปแล้วยังมีกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยังไม่ทราบแล้วไม่เข้าใจเหตุผลต่างๆ โดยเมื่อช่วงเช้าทำท่าเหมือนจะเข้าใจกันดีแล้ว แต่สถานการณ์ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายมีการตรวจสอบแล้วพบว่าการดำเนินการของทางวัดทั้งทางพระและฝ่ายลูกศิษย์ก็ดีเข้าใจสถานการณ์บางส่วน

“หลวงพ่อทัตตชีโว รักษาการเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอำนาจการตัดสินใจสูงสุด ไม่ให้ความร่วมมือกับทางฝ่ายเจ้าหน้าที่ ซึ่งทางเจ้าคณะจังหวัดปทุมธานีก็พยายาม ปรึกษาคณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ได้พูดคุย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองก็พยายามตอบคำถาม พร้อมทั้งชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ท่านยังไม่เข้าใจ หลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ ก็จะใช้มาตรการตามกฎหมายอย่างเป็นขั้นเป็นตอน” พ.ต.ต.สุริยา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน