“ปรีชาพล”เดินนำหน้ากก.บห. พร้อมลูกพรรค 40 คน เข้าฟังคำวินิจฉัยศาลรธน.ยุบ-ไม่ยุบพรรค ทษช. ด้านเลขาฯกกต. นำทีมกฎหมายตรงดิ่งเข้าห้องพิจารณา
ศาลรัฐธรรมนูญ พรรคไทยรักษาชาติ – เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่ศาลรัฐธรรม ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำกรรมการบริหารพรรค พร้อมผู้สมัครส.ส. และสมาชิกพรรค เดินทางมายังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อรอรับฟังคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักษาชาติตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 ฐานกระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข จากกรณีเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี โดยบรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยสื่อมวลชน
ทั้งนี้ก่อนเดินผ่านเข้ามายังลานอเนกประสงค์ของศูนย์ราชการ ผู้ประสานงานของพรรคไทยรักษาชาติ ได้กำชับไปยังสมาชิกพรรคทุกคนให้ยิ้มรับสื่อมวลชน โดยร.ท.ปรีชาพลซึ่งเดินลงจากรถยนต์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อพบกับสื่อมวลชนก็ยกมือไหว้และยิ้มทักทาย โดยยังไม่ให้สัมภาษณ์หรือตอบคำถามใดๆ ก่อนจะเดินไปแลกบัตรและลงทะเบียนขึ้นไปรอรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยของศาล
ซึ่งพรรคไทยรักษาชาติประสานขอนำผู้ติดตามเข้าร่วมรับฟังคำวินิจฉัยในห้องพิจารณาคดีจำนวน 40 คน โดยศาลได้อนุญาตตามคำขอ ในส่วนทางด้านสำนักงานกกต. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการสำนักงานกกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง พนักงานอัยการ พร้อมเจ้าหน้าที่ กกต.ฝ่ายสืบสวนสอบสวน ประมาณ 20 คน เป็นตัวแทนสำนักงานกกต.ร่วมรับฟังผลวินิจฉัยคดีของศาล ซึ่งเพียงพอต่อการรองรับของห้องพิจารณาคดีที่สามารถรองรับได้ 60 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับมวลชนที่ติดตามมาให้กำลังใจพรรคไทยรักษาชาติและร่วมรับฟังการอ่านคำวินิจฉัยมีจำนวนค่อนข้างบางตา ทำให้ลานอเนกประสงค์ของศูนย์ราชการ อาคารเอ ที่จัดเตรียมไว้รองรับประชาชนเต็มไปด้วยสื่อมวลชน ช่างภาพ และตำรวจ
เมื่อเวลา 13.30 น. องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจา ก่อนลงมติ จากนั้น ในเวลา 15.00 น. จะให้ กกต. และ ตัวแทน ทษช.ได้เข้ามาฟังคำวินิจฉัย
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
สำหรับองค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายชัช ชลวร นายปัญญา อุดชาชน นายวรวิทย์ กังศศิเทียม นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี นายทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ นายนครินทร์ เมฆไตรัตน์ และนายบุญส่ง กุลบุปผา
