เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 24 ก.พ. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวว่า ดีเอสไอขอทำความเข้าใจว่า ระหว่างนี้ให้พระสงฆ์ปฏิบัติกิจของสงฆ์ได้ตามปกติ แต่ขอให้ดำเนินการเข้าออกผ่านประตู 7 เท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลที่ 3 เข้ามาก่อเหตุร้าย

ส่วนในช่วงฉันเพลอนุญาตให้กลุ่มลูกศิษย์จัดอาหารถวายพระ 1,000 ชุด โดยขอให้กลุ่มศิษย์นำอาหารเช้ามาถวายที่ประตู 7 เท่านั้น เพื่อตรวจสอบและคัดกรองบุคคล เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายขึ้น เหมือนกับเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่กลุ่มลูกศิษย์อ้างว่าส่งอาหารไปให้กับพระภิกษุสงฆ์และคนที่อยู่ภายในวัด

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่กลุ่มพระภิกษุสงฆ์แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการอดอาหารประท้วง เรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรา 44 นั้น มอบหมายให้ทางคณะสงฆ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไปดำเนินการทำความเข้าใจแล้ว ส่วนกรณีทียังมีกลุ่มลูกศิษย์รวมตัวชุมนุมกันที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง ซึ่งทางเจ้าของตลาดได้แจ้งความฐานบุกรุกไว้แล้วนั้น ยืนยันว่าในพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในการประกาศเป็นพื้นที่ควบคุมพิเศษตามคำสั่ง คสช.ที่ 5/2560 จึงถือว่าเป็นการฝ่าฝืนความสั่งดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานกับแกนนำและกลุ่มบุคคลทั้งหมดไว้แล้ว เพื่อจะได้ดำเนินการตามกฎหมายย้อนหลังต่อไป

รองอธิบดีดีเอสไอ ยังกล่าวถึงกรณีที่ดีเอสไอออกหมายเรียกพระภิกษุสงฆ์ของวัดพระธรรมกาย จำนวน 14 รูป ให้เข้ารายงานตัวตามคำสั่งคสช.ที่ 5/2560 นั้น ขณะนี้มีพระมหานพพร ปุญญชโย ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย เข้ารายงานตัวแล้วและเจ้าหน้าที่ได้ปล่อยตัวกลับไป ส่วนพระแสนพล เทพเทพา หรือสืบเอก แสนพล เทพเทพา นั้น เบื้องต้นทราบว่าอยู่ระหว่างการประสานขอเข้ามารายงานตัวในวันนี้ แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด ส่วนพระภิกษุสงฆ์ตามหมายเรียกอีก 12 รูปที่เหลือนั้น แม้จะปรากฎตัวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนบ่อยครั้ง แต่ยอมรับว่าเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ถือหมายบางนายอาจไม่คุ้นชินหน้า หรือขณะที่มีการพบเห็นไม่มีหมายควบคุมตัวจึงไม่ได้ดำเนินการ

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวพระภิกษุสงฆ์ 6 รูป และบุคคลต้องสงสัยอีก 22 คน มาสอบปากคำที่บก.ตชด.ภ.1 เมื่อช่วงเช้าวันที่ 23 ก.พ.ที่ผ่านมา หลังพบพฤติการณ์ต้องสงสัยอยู่ในพื้นที่ควบคุมพิเศษบริเวณอาคารบุญรักษา ประตู 4 วัดพระธรรมกาย นั้น หลังการสอบปากคำไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อกับการกระทำผิด จึงปล่อยตัวกลับภูมิลำเนา โดยไม่มีการดำเนินคดีแต่อย่างใด ดังนั้น จึงอยากให้ประชาชนอย่าไปหลงเชื่อข่าวลือ ที่มีอยู่ตามกระแสข่าวที่เผยแพร่ตามโซเชียลมีเดียแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน