เมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เปิดเผยกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมเรียกแกนนำปลุกระดมมวลชนวัดพระธรรมกาย ประมาณ 30-40 คน มาพบพนักงานสอบสวน ว่า ขณะนี้ตนเองยังไม่ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าว จึงไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่มีมาตรการดำเนินการตามขั้นตอน โดยทางตชด.ภาค 1 ก็มีฝ่ายการข่าวทำงานร่วมกับดีเอสไอคอยติดตามการกลุ่มคนที่คอยให้ข้อมูล หรือชักชวนแนวร่วมเข้าชุมชุม รวมถึงจะตรวจสอบกลุ่มคนที่ขณะนี้พำนักในประเทศเพื่อนบ้าน และพยายามปลุกระดมมวลชน ซึ่งตรวจสอบหมดทุกด้าน

ทั้งนี้ ยังไม่ชี้ว่ามีแนวร่วมการเมืองมาเกี่ยวข้องปลุกระดมคนหรือไม่ แต่หากพบก็ต้องดำเนินการตามคำสั่งคสช. ที่เกี่ยวข้องในการปลุกระดมให้มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองทุกกรณี ไม่หวั่นใจว่าปัญหาวัดพระธรรมกายจะยืดเยื้อยาวนาน เพราะเราเคยผ่านเรื่องการชุมนุมมาหลายครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ฝ่ายหนึ่งเป็นพระสงฆ์เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ต้องใช้กฎหมายดำเนินการอยู่แล้ว กลุ่มนี้เราพบว่ามีการทำเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดีย ปลุกระดมคน โดยเจ้าหน้าที่ก็จับตาอยู่

สำหรับกรณีการคุมตัว พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ เภกะนันท์ อดีตผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา บริเวณวัดพระธรรมกาย พร้อมอาวุธมีด เสื้อ และป้ายข้อความฯ ว่า จริงๆตนว่า พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ก็ไม่น่าไปอยู่บริเวณนั้น เรื่องนี้พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวส ผบช.ภ.1 ดำเนินการอยู่ ส่วนจะเป็นแกนนำของวัดพระธรรมกายหรือไม่ ตนไม่ทราบ ทั้งนี้ยอมรับว่าในทุกการชุมนุมแบบนี้ ทั้งเรื่องการเมืองที่ผ่านมาก็มีข้าราชการ อดีตข้าราชการ เข้าไปสนับสนุนทั้งนั้น ทุกม็อบมีคนเหล่านี้เข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินการตามกฎหมาย

ส่วนเรื่องการเปลี่ยนตัว ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น ตนไม่ทราบและไม่ขอออกความคิดเห็น เป็นดุลพินิจของรัฐบาลในการพิจารณาออกคำสั่ง แต่ที่ผ่านมาการทำงานร่วมกันของทั้งดีเอสไอ ตำรวจ ทหาร ก็เป็นไปด้วยดี ไม่มีการเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน