เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 3 มี.ค. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 (บก.ตชด.ภ.1) พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองอธิบดีดีเอสไอ นำกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และทหารบุกจับพระสงฆ์และเณร รวม 11 รูป พร้อมศิษย์วัดพระธรรมกายและบุคคลต่างด้าวอีก 14 คน มาสอบสวนเพิ่มเติม หลังสืบทราบว่ากำลังจัดเตรียมสถานที่ในตลาดป้าเชงพื้นที่อ.คลองหลวง ที่อยู่ใกล้เคียงกับวัดพระธรรมกาย เพื่อให้คณะศิษย์ที่ตลาดกลางคลองหลวง ย้ายมาชุมนุมกันที่นี่ เบื้องต้นจากการตรวจสอบโกดังดังกล่าว พบการติดไฟติดกล้องวงจรปิด นำเอาถังน้ำขนาดใหญ่มากันและใช้สแลนขึง

จากนั้นเจ้าหน้าที่เชิญพระสงฆ์ สามเณร และลูกศิษย์ทั่งหมดขึ้นรถบรรทุก 6 ล้อของทหารนำตัวไปสอบที่ บก.ตชด.ภ.1 พร้อมยึดอุปกรณ์ทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน

พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1) เปิดเผยว่า ดีเอสไอได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษ พระสนิทวงศ์ วุฒิวังโส ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กรวัดพระธรรมกาย ที่ กองบังคับการปราบปรามแล้ว เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือความผิดตามประมวลกฎหมายมาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่นฯ และความผิดพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ โดยอยู่ระหว่างการรวมรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินการขอศาลอาญารัชดา ออกหมายจับพระสนิทวงศ์ต่อไป ขณะที่การรื้อถอนเต็นท์และขอคืนพื้นที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวง เป็นหน้าที่ดีเอสไอในการวางแผนดำเนินการ โดยยืนยันว่าจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้น แต่ไม่ได้มีกรอบระยะเวลา

ต่อมา 15.00 น. ที่บริเวณจุดคัดกรองของเจ้าหน้าที่ บริเวณทางเข้าตลาดกลางคลองหลวง ฝั่งตรงข้ามประตู5และ6 ของวัดพระธรรมกาย มีพระสงฆ์ 2 รูป พยายามจะผ่านเข้าไปในพื้นที่อ้างว่าจะไปหาญาติโยมที่รออยู่ด้านใน ทางเจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบว่าสังกัดวัดใด แต่ปรากฎว่าพระสงฆ์ทั้ง 2 รูป ไม่มีเอกสารใบสุทธิและบัตรประชาชน แสดงกับเจ้าหน้าที่อ้างว่าออกมาจากวัดพระธรรมกาย ทางเจ้าหน้าที่จึงถ่ายรูปทำประวัติและประสานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักพุทธศาสนาให้มารับตัวไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง และดำเนินการต่อไปด้านพระปลัดเสกสรรค์ อุตตโม แถลงยืนยันไม่ย้ายออกจากพื้นที่ตลาดกลางคลองหลวง หลังจากเจ้าหน้าที่มีความพยายามเข้ารื้อเต็นท์

ต่อมาเวลา 18.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน ภาค 1 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคีพิเศษ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ เปิดเผยถึงเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ควบคุมตัวพระภิกษุและสามเณร พร้อมชาวบ้านและแรงงานต่างด้าวมา ตรวจสอบพร้อมสอบถามข้อมูลจากบริเวณตลาดป้าเชงว่า ทางสำนักพระพุทธศาสนา (พศ.) ทำการคัดแยกตรวจสอบพบว่ามีพระ 2-3 รูปไม่มีใบสุทธิ ส่วนสามเณรอยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบวชจริงหรือไม่ ถ้าพบว่าบวชไม่จริงก็จะแจ้งความดำเนินคดี

สำหรับชาวบ้านที่ถูกควบคุมตัวมา พบว่าเดินทางมาจากจังหวัดอุบลราชธานี การข่าวชัดเจนว่ามีการย้ายถิ่นฐานจากตลาดกลางคลองหลวงมาที่ตลาดป้าเชง เพื่อจะมาก่อความไม่สงบในพื้นที่จากหลักฐานทางไลน์

พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า กลุ่มพระ สามเณร และบุคคลพบว่ามีการถูกชักนำเข้ามา โดยมีการโอนเงินผ่านบัญชีหลักแสนผ่านกลุ่มพระสงฆ์ ส่วนรายละเอียดกำลังตรวจสอบ สำหรับบุคคลต่างด้าวอยู่ระหว่างคัดกรอง โดยร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) หากพบความผิดก็จะดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนพื้นที่บริเวณตลาดกลางคลองหลวงทำไมยังไม่ดำเนินการกับกลุ่มผู้สนับสนุนเพื่อคืนพื้นที่ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า อยู่ระหว่างผู้ที่รับผิดชอบดำเนินการเพราะการปฏิบัติงานเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน แต่ขณะนี้ผู้สนับสนุนมีน้อยลงบริเวณส่วนตลาดการแก้ไขปัญหาดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ประชาชนมองว่าการทำงานของดีเอสไอทำงานล่าช้าแม้มี ม.44 พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า ทางเราจัดทำตรางเพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง 14 คน มีการออกหมายเรียกครั้งที่สองไปแล้วจะครบกำหนดในวันอาทิตย์ที่ 5 มีนาคม นอกจากนี้ ยังมีสามีภรรยา ที่เดินทางมารายตัวที่ถูกเรียกมาหลังพบว่าเป็นแนวร่วม บริเวณพื้นที่ตลาดกลาง ทั้งสองให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจึงปล่อยตัวไป จึงแจ้งให้ออกนอกพื้นที่หากเข้ามาในพื้นที่ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนที่เหลือเป็นประชาชนในพื้นที่ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีไป 30 กว่าราย ซึ่งบางรายก็ให้ออกในพื้นที่ถ้าหากเข้ามาก็จะดำเนินคดีอีก

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน