วันที่ 22 มี.ค. พ.ต.ท.ปพนธ์ ภูจอมนิล พนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่ามีเหตุฆ่าตัวตายภายในโรงสีขนาดเล็ก ต.ดงลิง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ จึงได้รายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น และพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ และหน่วยกู้ภัยโรงพยาบาลกมลาไสยไปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจพบกระบะ ยี่ห้อมิตซูบิชิ สตาร์ด้า สีเขียวคาดเทา โดยที่บริเวณพื้นถนนรวมถึงภายในตำแหน่งที่นั่งคนขับด้านขวา พบรอยเลือดกระจัดกระจาย และมีรอยกระสุนปืนทะลุกระจกด้านซ้าย ส่วนผู้เสียชีวิตทราบชื่อ ด.ต.สุระเดช จงฤาชา ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.กมลาไสย ซึ่งญาติได้พากันนำตัวส่งโรงพยาบาลก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ แต่เนื่องจากกระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะจึงเสียชีวิต
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังพบปลอกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. ตกอยู่ในที่เกิดเหตุจำนวน 2 ปลอก สอบถามชาวบ้านทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนั้น ได้ยิงเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด โดยแต่ละนัดดังห่างกัน จึงได้พากันวิ่งเข้ามาดู ก็พบ ด.ต.สุระเดช นอนในสภาพเอนกายตรงที่นั่งคนขับ โดยประตูรถตรงคนขับเปิดประตูออก ส่วนอาวุธปืน ขนาด 9 มม.ยี่ห้อสมิธแอนด์แวทสัน วางที่ตักโดยมือขวาจับปืนอยู่ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงได้กันประชาชนออกไปและทำการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดย พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.โสภณ วารี รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เข้าตรวจสอบ
พ.ต.อ.โสภณ กล่าวว่า สาเหตุการตายเบื้องต้นคาดว่าจะเกิดปัญหาครอบครัว ในเรื่องหนี้สิน เนื่องจากได้รับรายงานว่าก่อนเกิดเหตุในช่วงเวลาประมาณ 14.00 น. ด.ต.สุระเดช ได้โทรศัพท์เข้ามาลางาน โดยบอกว่าไม่สบายใจในเรื่องหนี้สินของครอบครัว ซึ่งสารวัตรหัวหน้างานจึงได้เตือนสติว่าอย่าคิดอะไรมากให้ใจเย็นๆ ต่อมาอีก 1 ชั่วโมง พนักงานสอบสวนก็ได้รับแจ้งเหตุว่าฆ่าตัวตาย และเมื่อได้เข้ามาที่เกิดเหตุก็มีคนนำส่งโรงพยาบาล
แต่เมื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเบื้องต้นกลับพบปลอกกระสุนถึง 2 ปลอก อีกทั้งจากการสอบถามชาวบ้านก็ทราบว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้นถึง 2 นัด อีกทั้ง ผู้ตายถนัดซ้าย แต่พบปืนที่มือด้านขวา แต่ในเบื้องต้นทางพิสูจน์หลักฐานซึ่งได้ตามเก็บสภาพศพ ก็ยืนยันว่าเป็นการฆ่าตัวตายเนื่องจากพบรอยเขม่าที่มือด้านขวา อีกทั้งกระสุนได้ทะลุขมับจาก ขวาไปซ้ายและทะลุกระจกออกไป จึงทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะนำศพไปชันสูตรเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
