จากกรณีมีข่าวแพร่สะพัด โดยอ้างแหล่งข่าวด้านการสืบสวน ระบุว่า กรณี นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกกลุ่มคนร้าย 4 คน จู่โจมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะบริเวณศีรษะและดวงตา เหตุเกิดที่ปากซอยรามอินทรา 109 แขวง และ เขตมีนบุรี กทม. กำลังตรวจสอบประเด็นเรื่องหนี้นอกระบบ

เพราะมีข้อมูลพบว่าจ่านิวมีปัญหาทางการเงิน และเคยให้สัมภาษณ์สื่อออนไลน์แห่งหนึ่ง ว่าในอดีตเคยย้ายบ้านไปหลายพื้นที่ทั้ง มีนบุรี หนองจอก ลาดกระบัง เพราะต้องหลบเจ้าหนี้ ซึ่งประเด็นนี้ชุดสืบสวนพุ่งเป้าและจะตรวจสอบว่าเจ้าหนี้เหล่านี้คือใคร จะได้ขยายผลว่ามีส่วนในการรุมทำร้ายจ่านิวหรือไม่ อย่างไรก็ดีในส่วนประเด็นอื่นๆ ยังไม่ตัดทิ้ง ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เรื่องเก่า แต่ถูกเอามาปั่น ท้าไปตรวสอบเลย!

ล่าสุด เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 1 ก.ค. นางพัฒน์นรี ชาญกิจ แม่ของจ่านิว เปิดเผยกรณีนี้ว่า ตนย้ายบ้านครั้งสุดท้ายประมาณ 9 ปีที่แล้ว เมื่อปี 2553 บ้านหลังปัจจุบันอยู่มาจะครบ 10 ปีในปีหน้า ส่วนประเด็นเรื่องหนี้นอกระบบ ตัดไปได้เลย เพราะครอบครัวของเราไม่มีเรื่องนี้มากกว่า 10 ปีแล้ว และได้ชำระหนี้ไปหมดทุกบาทุกสตางค์

หากจะมีหนี้ก็คงมีเรื่องค่าเช่าบ้าน ซึ่งช่วงหลายปีก่อนอาจจะมีการค้างจ่ายที่ล่าช้า แต่ปัจจุบันจ่ายตรงทุกเดือน ส่วนหนี้ส่วนตัวของนิวนั้น คือหนี้กองทุนเงินให้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ กยศ.จะทวงเงินด้วยการส่งคนมารุมไล่ตี ส่วนหนี้นอกระบบส่วนตัวของนิว ไม่มี เพราะนิวเป็นคนทำงาน หาเงิน และใช้เงินด้วยความประหยัด ใช้ชีวิตประจำวันด้วยการใช้บริการรถสาธารณะ กินข้าวแกงเหมือนคนทั่วไป

“จะบ้าเหรอ ท้าให้ไปดู หรือไปสืบได้เลยว่าจ่านิวมีการกู้หนี้นอกระบบหรือไม่ อย่างไร และการที่คุณจะกู้หนี้นอกระบบ คุณต้องมีร้านค้า มีกิจการ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ใครจะให้กู้เงินกันได้ง่ายๆ เพราะฉะนั้นอย่ายกประเด็นนี้มากล่าวหากัน ตัดไปได้เลย” แม่จ่านิว กล่าว

แม่จ่านิว กล่าวปิดท้ายอีกว่า การมีกระแสข่าวออกมาแบบนี้ เพราะอ้างคำสัมภาษณ์เก่าๆ ของลูกชาย ซึ่งเป็นเรื่องความหลังเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ที่เกิดขึ้นมานานกว่า 10-20 ปีแล้ว ไม่ใช่เรื่องในปัจจุบัน

ส่วนที่มีข่าวแจ้งว่า นายสิรวิชญ์ หรือ จ่านิว จะออกจากโรงพยาบาลรามาธิบดี หลังอาการดีขึ้น แต่ยังไม่ทราบเวลาในวันเดียวกันนี้นั้น นางพัฒน์นรี ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะแพทย์ต้องติดตามอาการอย่างใกล้ชิดอยู่ ต้องดูว่าต้องให้ยาลดบวมหรือไม่หลังจากนี้ เพราะจะมีผลกระทบต่อภูมิต้านทาน เนื่องจากว่าตาขวายังไม่ปกติดี ซึ่งจะพักรักษาตัวโรงพยาบาล ประมาณ 3 สัปดาห์ ถึง 1 เดือน เป็นอย่างน้อย


 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน