เมื่อวันที่ 23 มี.ค. ที่ค่ายเอกาทศรถ จังหวัดพิษณุโลก พล.ท.วิจักขฐ์ ศิริบรรพสพ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีที่หลายภาคส่วนวิพากษ์วิจารณ์การกระทำเกินกว่าเหตุเจ้าหน้าที่ทหาร ปฏิบัติหน้าที่ต่อผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด วิสามัญ นายชัยภูมิ ป่าแส นักเคลื่อนไหวชาติพันธุ์ชาวลาหู่ ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ในส่วนข้อเท็จจริงทาง พล.ต.ท.พูลทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผบช.ภ.5 ได้ชี้แจงว่านายชัยภูมิ มีความเกี่ยวข้องกับยาเสพติดตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา มีหลักฐานการโอนเงิน การใช้จ่าย เพราะการที่เด็กคนหนึ่งไม่มีอาชีพเป็นหลักแหล่ง เป็นนักเคลื่อนไหว เข้าไปพัวพันในวงจรนี้ได้อย่างไร ถือเป็นการหลงผิด

 

ทั้งนี้ ตนยืนยันว่ากกรณีดังกล่าวเป็นการตั้งด่านตามปกติสามารถตรวจสอบได้จากกล้องวงจรปิด CCTV อีกทั้งสถานที่ตั้งด่านเป็นที่แจ้ง ไม่ได้ลึกลับ พร้อมยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีอาวุธ เมื่อเจ้าหน้าที่พบรถเป้าหมายก็ไปตรวจค้นธรรมดา แต่มีพิรุธ จึงเชิญตัวออกมา จากนั้นก็ตรวจค้นรถอย่างละเอียด จนไปเจอแหล่งซ่อนยาเสพติด ขณะที่นายพงศ์นัย แสงตะล้า ที่ถูกกักตัวโดยเจ้าพนักงานของรัฐ ไม่ทราบว่ารถมียาเสพติด แต่ตัวผู้เสียชีวิต ทราบว่ามียาเสพติดจึงวิ่งหนี ก่อนเตรียมหันมาจะขวางระเบิด แต่เจ้าหน้าที่จึงยิงป้องกันตัว 1 นัด

 

“คดีนี้ว่าด้วยหลักฐานข้อเท็จจริง ไม่ใส่ร้าย รวมทั้งผู้บังคับหน่วยสอนลูกน้องดี มีการฝึกอบรม ทบทวนการตรวจค้นเสมอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้ยิง ไม่ใช่คนในพื้นที่ แต่เขามีความตั้งใจทำงาน อย่างไรก็ตาม ผมสั่งให้ดูแลขวัญกำลังใจ เพราะเขาตั้งใจทำงาน แต่กลับกลายเป็นคนร้าย ต่อไปจะไม่มีเจ้าหน้าที่กล้าปะทะ ส่วนตัวคิดว่าการกระทำดังกล่าวสมเหตุสมผล เพราะเป็นการป้องกันตนเอง โดยพยายามยิงจุดไม่สำคัญ แต่ก็เกิดความสูญเสีย ดังนั้น ผมขอแสดงความเสียใจต่อกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ทุกอย่างต้องว่าไปตามรูปคดี และพร้อมให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย” พล.ท.วิจักษฐ์ กล่าว และว่า นายชัยภูมิมี อายุ 21 ปี เกิดเดือนมีนาคม 2539 ไม่ใช่อายุ 17 ปีตามที่เป็นข่าว จากนี้ไปเจ้าหน้าที่จะดูแลครอบครัวในฐานะคนไทยด้วยกันต่อไป

 

เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ได้สั่งการให้ กองทัพภาคที่ 3 ตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อเรื่องนี้ โดยมี พล.ต. สมพงษ์ แจ้งจำรัส รองแม่ทัพภาคที่ 3 เป็นประธานคณะกรรมการฯ แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวว่า เป็นการสอบข้อเท็จจริง ว่ากองทัพภาคที่ 3 มีความวางตนเป็นกลางในการสอบสวนผู้ใต้บังคับบัญชา หรือไม่ และสอบถามข้อมูลจากตำรวจ และพยาบาลในการชันสูตรพลิกศพ เพื่อได้ข้อมูลเป็นกลาง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน