แม่พาลูกชายวัย 16 ปี ร้อง ผบช.น. ถูก โจ๋รุมฟัน หลังเหวอะ มีคลิปวงจรปิดครบ แต่ผ่านไป 2 เดือนคดีไม่คืบ! เหยื่อเล่านาทีก่อนถูกฟัน คนร้ายลั่น! “ไปบอกรุ่นพี่มึงอย่าซ่าผิดถิ่น”

โจ๋รุมฟัน / เมื่อเวลา 10.10 น. วันที่ 5 ก.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เดินทางมาพร้อม นางสุพรรัตน์ นะอ่อน, นายเอ (นามสมมติ) ลูกชาย และ นายบี (นามสมมติ) เพื่อน ซึ่งทั้งคู่เป็นเยาวชนอายุ 16 ปี ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่นเกือบ 10 คน รุมใช้อาวุธมีดฟันจนบาดเจ็บสาหัส เข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งรัดนำตัวคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมาย

นายเอ กล่าวว่า เมื่อช่วงดึกของปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา นายบีได้ขับรถจักรยานยนต์มารับที่บ้าน เพื่อพาไปนั่งเล่นบ้านเพื่อนตามปกติ เมื่อมาถึงซอยลาดปลาเค้า 76 แยก 1-12 ได้พบกับกลุ่มวัยรุ่น จอดรถจักรยานยนต์ 4-5 คันขวางถนน โดยหนึ่งในกลุ่มวัยรุ่นได้พูดขึ้นว่า “เฮ้ยนี่ไง” ก่อนจะขับรถจักรยานยนต์ปาดหน้า

“กระทั่งรถของเพื่อนผมล้มลง คนร้ายจึงวิ่งมารุมกระทืบเพื่อนกับผม ก่อนที่หนึ่งในนั้นซึ่งเป็นคนรู้จัก จะพูดขึ้นว่า “ไปบอกรุ่นพี่มึงอย่ามาซ่าผิดถิ่น” แล้วใช้มีดฟันจนพวกผมบาดเจ็บ โดยผมถูกฟันแผ่นหลังและแขนขวา ส่วนเพื่อนถูกฟันเข้าที่ใบหน้าใกล้กับดวงตา จากนั้นคนร้ายได้หลบหนีไป พวกผมจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.บางเขน เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.ที่ผ่านมา แต่ทางตำรวจก็ไม่ได้เรียกรุ่นพี่ของผมเข้าสอบปากคำแต่อย่างใด” นายเอ กล่าว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อนนายเอ กล่าวต่อว่า ตนทราบว่า หนึ่งในคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นรุ่นพี่ที่เคยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 3 ของโรงเรียนเดียวกัน และเคยพยักหน้าให้กันแต่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ส่วนรุ่นพี่ของตนที่ถูกอ้างถึงเคยมีปัญหากับคนร้ายและเคยถูกไล่ฟันมาก่อน ซึ่งหลังเกิดเหตุคนร้ายก็ยังวนเวียนอยู่ในพื้นที่ ทำให้ตนรู้สึกกลัว ส่วนอาการบาดเจ็บ แพทย์ระบุว่าบาดแผลที่แผ่นหลังมีอาการเส้นประสาทขาด ทำให้ไม่สามารถใช้งานแขนขวาได้เต็มที่

ด้าน นางสุพรรัตน์ กล่าวว่า ตนไม่รู้จักคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นการส่วนตัว เว้นแต่เพื่อนในกลุ่มคนร้ายรายหนึ่งที่เข้ามาเยี่ยมลูกตอนรักษาอาการบาดเจ็บ ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ส่วนเรื่องทางคดี ก่อนหน้านี้ทราบว่าตำรวจได้เรียกผู้ต้องสงสัยเป็นเยาวชนชายเข้าไปสอบปากคำแล้ว แต่เจ้าตัวได้ปฏิเสธ ตำรวจจึงปล่อยตัวไป

นางสุพรรัตน์ กล่าวอีกว่า ตนพยายามรวบรวมภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยเหลือตำรวจอีกทางหนึ่ง เพราะอยากทราบยี่ห้อและทะเบียนรถจักรยานยนต์ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ โดยได้รวบรวมมาจากกล้องในบริเวณกว่า 13 ตัว กระทั่งได้ภาพที่เห็นค่อนข้างชัด เมื่อนำไปมอบให้ตำรวจใช้ประกอบการทำคดี จนเวลาล่วงมานานกว่า 2 เดือน ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ทำให้ตนกังวลใจ เพราะทุกวันนี้ในย่านพักอาศัยตนยังมีเหตุวัยรุ่นทำร้ายร่างกายกันแทบทุกวันหลังเวลาเลิกเรียน จึงร้องขอให้ตำรวจเร่งรัดการทำคดี

เปิดบาดแผลถูก โจ๋รุมฟัน จนหลังเหวอะ

เปิดบาดแผลถูก โจ๋รุมฟัน จนหลังเหวอะ

ขณะที่ พ.ต.อ.อำนาจ อินทรศวร ผกก.สน.บางเขน พร้อมชุดพนักงานสอบสวนทำคดีดังกล่าว ได้มาชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นว่า คดีนี้ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ ยืนยันว่าไม่ได้ล่าช้า แต่เนื่องจากกระบวนการสอบปากคำเยาวชนในคดีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องให้สหวิชาชีพเข้าร่วม และต้องมีพยานหลักฐานที่รัดกุมมากกว่าคดีของผู้ใหญ่

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้าในตอนนี้ ได้สอบพยานรวมทั้งหมด 6 ปาก ทราบตัวผู้ก่อเหตุแล้ว 8 คน บางส่วนเป็นเยาวชน และได้ติดต่อกับผู้ปกครองของคนร้ายแล้ว 5 ราย ก็ได้รับความร่วมมือที่ดี แต่คนร้ายปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่จะกล่าวอ้างได้ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดพบว่า ภาพขณะเกิดเหตุไม่ชัดเจน แต่ตำรวจมีหลักฐานเส้นทางตั้งแต่ก่อนและหลังเกิดเหตุ แต่ยืนยันมีหลักฐานดำเนินคดีได้

พ.ต.อ.อำนาจ กล่าวด้วยว่า กรณีที่แม่ของคนเจ็บระบุว่าในพื้นที่มักจะมีเหตุทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง ยืนยันว่าทุกคดีตำรวจสามารถจับกุมตัวคนผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ขณะที่โรงพักก็ได้ประสานกับโรงเรียนมัธยมดังกล่าวที่มักมีเหตุเป็นประจำ พร้อมจัดสายตรวจลงพื้นที่คอยระวังเหตุมาโดยตลอด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน