ตม.แถลงจับ ยากูซ่า หนีคดีเผาบ้าน อีกราย หนุ่มจีนฉ้อโกง10ล้าน

ยากูซ่า / เมื่อวันที่ 9 ก.ค. ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง รรท.ผบช.สตม. พร้อมด้วยพล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผบช.สตม. พล.ต.ต.สรายุทธ สงวนโภคัย รองผบช.สตม.

พล.ต.ต.พนัญชัย ชื่นใจธรรม ผบก.สส.สตม. พ.ต.อ.สถิตย์ พรมอุทัย รองผบก.สส.ภ.2 ตำรวจบก.สตม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากสถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย

ร่วมกันแถลงจับกุมผู้ต้องหาหนีหมายจับชาวต่างชาติจำนวน 2 ราย คดีแรก จับกุมนายคาซึฮิโกะ ยามาซากิ ชาวญี่ปุ่น อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของทางการญี่ปุ่น มีหมายจับออกโดย ศาลจังหวัดอากิตะ ลงวันที่ 28 มิถุนายน 2562 ในคดีวางเพลิงเผาทรัพย์

พล.ต.ท.สมพงษ์ กล่าวว่า นายคาซึฮิโกะ เป็นสมาชิกยากูซ่า แก๊งอินากาว่า เป็นสมาชิกระดับกลางขึ้นไป มีคดีติดตัวในประเทศญี่ปุ่น 12 คดี อาทิคดี ทำร้ายร่างกาย ข่มขืน แต่ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมและดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้ว

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ส่วนคดีที่ถูกออกหมายจับคือ คดีวางเพลิงบ้านของญาติคู่อริ ก่อนที่จะหลบหนีมาไทย โดยระหว่างที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ได้มีปัญหากับคนญี่ปุ่นที่พักอาศัยในไทย และได้มีการข่มขู่ฆ่า จึงได้ย้อนกลับไปวางเพลิงเผาบ้านคู่อริที่ญี่ปุ่น ก่อนหลบหนีเข้ามาประเทศไทยอีกครั้ง

พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า สำหรับแก๊งอินากาว่า เป็นแก๊งที่ไม่ใหญ่มาก แต่เป็นแก๊งที่มีความโหดเหี้ยมระดับต้นๆ ของแก๊งยากูซ่าในประเทศญี่ปุ่น มีพฤติกรรมข่มขู่เหยื่อนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นที่ประกอบอาชีพสุจริตในไทย หากไม่ยอมจ่ายเงินก็จะขู่เผาบ้าน

คดีนี้คนร้ายอ้างกับผู้เสียหายว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอดระยะที่ 4 ต้องการเงินเพื่อเป็นค่ารักษา หากไม่ยอมจ่ายเงินก็จะเผาบ้านครอบครัวของนักธุรกิจในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางผู้เสียหายไม่ได้ให้เงินไป คนร้ายจึงกลับไปเผาบ้านก่อนถูกออกหมายจับดังกล่าว

คนร้ายอ้างจะนำเงินที่ได้จากการทำธุรกิจของผู้เสียหายไปส่งให้กับนักธุรกิจอีกรายในญี่ปุ่นและเพื่อรักษาโรคมะเร็ง กระทั่งเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจกองกำกับการ 1 บก.สส.สตม. ได้รับการประสานจากประเทศญี่ปุ่นและสืบทราบเรื่อง จึงนำกำลังจับกุมได้บริเวณห้างดิ โอลด์สยาม ขณะกำลังจะเข้าไปรัปประทานอาหารญี่ปุ่น

ทั้งนี้นายคาซึฮิโกะ เดินทางเข้าออกประเทศไทย 13 ครั้ง โดยครั้งแรกเดินทางมาเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2562 เข้าออกตามระเบียบอย่างถูกต้องในขณะนั้นยังไม่เจอแบล็คลิสต์ ล่าสุดได้เดินทางเข้ามาไทยเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ถึงวันที่ 18 ก.ค. การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด

ผบก.สส.สตม. จึงสั่งเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 12 (7) แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 และควบคุมตัวไว้ที่ กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอการส่งตัว กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศญี่ปุ่นต่อไป

อีกคดีจับกุมนาย สี่ ซิง หยิง อายุ 35 ปี ชาวจีน ผู้ต้องหาตามหมายจับ เมืองเปาติง มลฑลเหอเป่ย สาธารณรัฐประชาชนจีน เนื่องจากมีส่วนพัวพันในคดีฉ้อโกงอสังหาริมทรัพย์

พล.ต.ต.พนัญชัย กล่าวว่า นายสี่ ซิง หยิง จัดตั้งบริษัทเหอเป่ยหลินหูพร็อบเพอร์ตี้ จำกัด โดยนายสี่เป็นกรรมการผู้จัดการ ซึ่งบริษัทดังกล่าวไม่ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการแต่อย่างใด

เมื่อปี 2557 นายสี่ ขายอาคารที่พักอาศัยจำนวน 2 อาคาร ซึ่งผู้เสียหายได้ผ่อนจ่ายเงินดาวน์ไปจำนวน 18 เดือน เป็นจำนวนเงิน 10 ล้านบาท แต่ผู้ต้องหาไม่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อได้ ซึ่งเหตุดังกล่าวได้สร้างความเสียหายให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ ในมลฑลเหอเป่ยเป็นอย่างมาก

ทางการตำรวจมลฑลเหอเป่ย จึงได้ออกหมายจับดังกล่าว จากนั้นกระทรวงความมั่นคงสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ขอความร่วมมือจาก บก.สส.สตม.ในการ จับกุมโดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. นายสี่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรผ่านทางด่านตม.ทอ.กรุงเทพ (สนามบินดอนเมือง) และพบว่าเป็นบุคคลต้องห้าม

จึงได้ทำการประสานมายัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อทำการตรวจสอบ และได้ยืนยันว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงได้ส่งตัวมายัง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อรอการส่งกลับออกไปนอก ราชอาณาจักรต่อไป

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน