ไอ้ปอนซีด ศาลลงโทษประหาร ฆ่าขืนใจแหม่ม คดีสยองเกาะสีชัง

ฆ่าขืนใจแหม่ม / เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ศาลจังหวัดชลบุรี อ่านคำพิพากษา คนร้ายฆ่าข่มขืนน.ส.มิเรียม เบเทอร์ อายุ 27 ปีนักท่องเที่ยวสาวชาวเยอรมัน บนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา

ซึ่งเจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมตัวนายรณกร หรือปอน ร่มรื่น หลังมีผู้พบเห็นนายรณกรสวมใส่เสื้อผ้าเปื้อนเลือด เดินลงมาจากจุดเกิดเหตุ นายรณกรยอมรับว่าเพิ่งเสพยาไอซ์จนเมาได้ที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ประกอบกับผู้ตายเป็นหญิงสาวหน้าตาดีจึงลงมือก่อเหตุ

อ่านข่าว พลิกคดีฆ่าแหม่มเยอรมันหนุ่มรับขืนใจ-หินทุบดับอำพรางศพหมกเกาะสีชัง สื่อนอกตีข่าวฉาวทั่วโลก

วันนี้ศาลเบิกตัวนายรณกร จากเรือนจำมาเพื่อฟังคำพิพากษา ทั้งนี้คำพิพากษาระบุว่า คดีอาญาหมายเลขดําที่ ย 1408/2562 ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดชลบุรี โจทก์ นายรณกรหรือปอน ร่มรื่น จําเลยให้การรับสารภาพ สําหรับข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนกับเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน ข้อหาข่มขืนกระทํา ชําเราผู้อื่น และข้อหาซ่อนเร้น ย้ายหรือทําลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือสาเหตุแห่งการตาย

เมื่อจําเลยให้ การรับสารภาพ ศาลย่อมพิพากษาลงโทษจําเลยตามฟ้องโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปได้ตาม พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดียาเสพติด พ.ศ. 2550 มาตรา 13 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ อาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจําเลยกระทําความผิดฐานดังกล่าว

ส่วนความผิดฐาน ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นของตนและหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนทําไว้นั้น แม้โจทก์ไม่ มีประจักษ์พยาน แต่โจทก์มีพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดต่อเหตุการณ์เบิกความยืนยันว่า พบเห็นจําเลยและ ผู้ตายเดินขึ้นบันไดไปทางยอดเขาพระจุลจอมเกล้า

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ต่อมามีนักท่องเที่ยวเดินลงจากเขามาแจ้งนายทองดีว่า พบกองโลหิตที่บันไดทางขึ้นลง และมีขาคนโผล่อออกมาจากซอกหินข้างทาง หลังจากนั้นเห็นจําเลยเดินลงบันไดมาที่รถจักรยานยนต์ โดยที่เสื้อของจําเลยมีรอยโลหิตเปื้อนอยู่ จึงแจ้งเจ้าพนักงานตํารวจติดตามไป จับกุมจําเลยได้ที่บ้าน พร้อมยึดเสื้อ กางเกง และรองเท้าแตะที่จําเลยสวมใส่ในขณะเกิดเหตุเป็นของกลาง

โดยตรวจพบคราบโลหิตและสารพันธุกรรมของจําเลยและผู้ตายติดอยู่ที่กางเกงและรองเท้าแตะของจําเลย ในที่เกิดเหตุพบก้นกรองบุหรี่ตรวจพบสารพันธุกรรมของจําเลยติดอยู่ และพบยางวงกลมสีเขียวอ่อนกับรอยโลหิตตรวจพบสารพันธุกรรมของจําเลยและผู้ตาย

ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า หลังจากจําเลยข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่นผู้ตายแล้ว ผู้ตายพยายามหลบหนีจําเลยมาตามบันไดทางลงเขา แต่จําเลยติดตามมาทันแล้วใช้ก้อนหิน ของกลางทุบตีผู้ตายอย่างแรงหลายครั้งที่ศีรษะและใบหน้าของผู้ตายอันเป็นอวัยวะสําคัญ

ก่อให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์หลายแผลจนผู้ตายถึงแก่ความตายเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาใน ความผิดอื่นที่ตนได้กระทําไว้พยานหลักฐานที่โจทก์นําสืบประกอบคํารับสารภาพของจําเลยฟังเป็นที่พอใจว่า จําเลยกระทําความผิดฐานดังกล่าวตามฟ้อง

พิพากษาว่าจําเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคหนึ่ง (เดิม), 289 (2), 199 พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 57, 81 พระราชบัญญัติจราจรทาง บก พ.ศ. 2522 มาตรา 43 ทวิ วรรคหนึ่ง, 157/1 วรรคสอง การกระทําของจําเลยเป็นความผิดหลาย กรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป

ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานข่มขืน กระทําชําเราผู้อื่นจําคุก 14 ปี ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิด อื่นที่ตนได้กระทําไว้ ให้ประหารชีวิต

ฐานเสพเมทแอมเฟตามีนและเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน เป็น กรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 157/1 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 91 ซึ่งเป็นบทที่ มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จําคุก 6 เดือน

ฐานซ่อนเร้นศพ จําคุก 1 ปี สําหรับ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อปกปิดความผิดอื่นและเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทําไว้

แม้ จําเลยให้การรับสารภาพ แต่ลําพังพยานหลักฐานเท่าที่โจทก์นําสืบมาทั้งพยานแวดล้อมกรณีที่ใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะรายงานการตรวจพิสูจน์วัตถุพยานในที่เกิดเหตุและผลการตรวจสารพันธุกรรม นับว่าเป็นพยานหลักฐานที่สําคัญ ซึ่งรับฟังลงโทษจําเลยได้โดยไม่ต้องอาศัยคํารับสารภาพของจําเลย

การที่ จําเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และชั้นพิจารณาย่อมเป็นเพราะจํานนต่อหลักฐานของโจทก์ดังกล่าว และไม่เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา จึงไม่ลดโทษให้ สําหรับความผิดฐานข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่น ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน และฐานซ่อนเร้นศพ

จําเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่ การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กระทงลงละกึ่งหนึ่ง ฐานข่มขืนกระทําชําเรา ผู้อื่น คงจําคุก 7 ปี ฐานเป็นผู้ขับขี่เสพเมทแอมเฟตามีน จําคุก 4 เดือน และฐานซ่อนเร้นศพ จําคุก 5 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตสถานเดียว และให้ริบก้อนหินของกลาง

 

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน