ไม่เคยพกอาวุธ ‘หมวดเบนซ์’ โต้หนุ่มบีเอ็ม หลังถูกขับชนบนทางด่วน แจ้ง 4 ข้อหาหนัก เผยเป็นตำรวจอารักขามีกฎห้ามพกปืน แม้แต่มีดก็ไม่มี

จากกรณีโซเชียลแชร์คลิป รถยนต์ ยี่ห้อบีเอ็มดับบลิว สีขาว ขับออกมาจากช่องจ่ายเงิน บริเวณด่านเก็บเงินธัญบุรี ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีชายอีกคนเกาะอยู่ที่ฝากระโปรงรถ ก่อนคนขับรถบีเอ็มจะสะบัดจนคนกระเด็นไปกองกับพื้น แล้วขับหนีไป ต่อมาทราบชื่อผู้บาดเจ็บคือ ร.ต.ท.จิตต์เกษม หรือหมวดเบนซ์ จันทร์รัก ผู้บังคับหมวด สบ. 1 กองร้อยที่ 2 กองกำกับการอารักขา 1 กองบัญชาการอารักขาควบคุมฝูงชน คู่กรณีคือ นายเอกราช ชูใหม่ อายุ 38 ปี ซึ่งเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้วไปนั้น

หมวดเบนซ์ / เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษาชั้น 11 ห้อง 1110 รพ.ตำรวจ พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. เข้าเยี่ยม ร.ต.ท.จิตต์เกษม จันทร์รัก โดยมีพล.ต.ต.หญิง พันวดี รัตนสุมาวงศ์ นายแพทย์สบ 6 รพ.ตร. แพทย์เวร ร่วมตรวจอาการหลังผ่าตัด

พบว่าไหล่และขาซ้ายกระดูกหักต้องใส่เหล็กดาม แผลรอยถลอกใบหน้าซ้าย เอวด้านหลังและนิ้วมือทางด้านซ้าย และน.ส.ไอณดา ฟื้นชมภู ภรรยา เข้ารับกระเช้าเยี่ยมพร้อมกับยื่นหนังสือ เพื่อร้องขอความธรรมกรณีดังกล่าว นอกจากนี้ พ.ต.อ.จักรแก้ว แก้วคงยศ ผกก.สภ.ลำลูกกา พร้อมด้วยพนักงานสอบสวนสภ.ลำลูกา เข้ามาพบร.ต.ท.จิตต์เกษม เพื่อสอบปากคำผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว

ขณะเดียวกันนายเอกราชส่งกระเช้าดอกไม้เข้าเยี่ยมร.ต.ท.จิตต์เกษม แต่ทางภรรยาขอให้รอก่อน เนื่องจากไม่ได้แจ้งล่วงหน้า โดยเขียนข้อความ “แสดงความเสียใจเป็นอย่างมากต่อเหตุการที่เกิดขึ้น ขอให้หายๆ เร็วๆ ถ้าหมวดอยากคุยเรื่องค่ารักษาพยาบาลรวมถึงค่าอื่นๆ ยินดีพูดคุยและโทรหาได้ตลอด ถ้ามีโอกาสผมขออนุญาตมาเยี่ยมด้วยตนเองในโอกาสต่อไป”

ร.ต.ท.จิตต์เกษม กล่าวว่า ตนยืนยันว่าตั้งแต่ตนเป็นตำรวจมายังไม่เคยซื้ออาวุธปืนแต่อย่างใด เนื่องจากตนต้องปฏิบัติหน้าที่ถวายการอารักขามีกฎห้ามพกอาวุธปืน แม้แต่อาวุธมีดก็ไม่มี

ส่วนกรณีที่ปาดหน้ากันนั้น ระหว่างที่ตนขับรถมาช่องทางด้านขวาสุด คนขับรถยนต์คู่กรณีขับแซงซ้ายขึ้นมาปาดหน้า จึงทำให้ท้ายรถยนต์ด้านขวาของคู่กรณีชนเข้ากับที่หน้ารถทางด้านซ้ายของตน จึงขับตามไปพร้อมกับบีบแตรรถไล่ และเปิดกระจกให้หยุดรถ แต่คู่กรณีไม่มีท่าทีว่าหยุดรถ จึงโทรแจ้ง 191 เพื่อสกัดจับ

จากนั้นพอถึงด้านก็ขับขึ้นไป เพื่อที่จะเข้าไปหยุดรถ โดยอ้อมหลังรถวิ่งมาโดยลงไปเพื่อจะหยุดรถคู่กรณีไว้ จนกระทั่งเกิดถูกชนกระเด็นไปตามแรงเหวี่ยงของรถตามที่เกิดเหตุดังกล่าว

ด้าน พล.ต.อ.วิระชัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวไม่ได้เพราะร.ต.ท.จิตต์เกษมเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เห็นว่าเป็นประชาชนคนที่มีเหตุเกิดขึ้นในทำนองนี้ แล้วมีกรณีที่ให้ข้อมูลว่าต่างฝ่ายต่างให้ข้อมูลว่า ตัวเป็นฝ่ายถูก จึงอยากจะทำความจริงให้ปรากฎ โดยจะลงพื้นที่ตรวจที่เกิดเหตุ เพื่อคำแนะนำกับพนักงานสอบสวน สภ.ลำลูกกาว่า ควรทำอย่างไรบ้าง และนำพยานหลักฐานเข้าประกอบสำนวนทั้งพยานบุคคล วัตถุพยาน หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์

อย่างไรก็ตาม อยากทำความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชนให้ทราบว่า กรณีที่มีคนมาขวางหน้ารถจะต้องปฏิบัติอย่างไร และเมื่อรถเกิดอุบัติเหตุแล้วมีคนอยู่บนฝากระโปรงรถหรือหน้ากระจกรถ ต้องปฏิบัติอย่างไร หลังลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีดังกล่าว

ส่วนอาการบาดเจ็บนั้น รองผบ.ตร. กล่าวว่า ถือว่าอาการสาหัส เนื่องจากขาด้านซ้ายหักมุมเดียวกับที่ถูกรถชน ไหล่ด้านซ้ายกระดูกแตกละเอียด ขาถูกกระแทกจากกระจกรถตอนตกลงจากรถ ใบหน้าได้รับบาดแผลจากรอยขูดกับถนนและเลือดออกในลูกตา

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

การดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุนั้น ขณะนี้ทางพนักงานสอบสวนสภ.ลำลูกกา แจ้งข้อหาดำเนินคดี 4 ข้อหา ได้แก่ พยายามฆ่า, ขับรถประมาทหวาดเสียวอันอาจก็ให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและทรัพย์สินของผู้อื่น, ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนจองผู้อื่น, ขับรถในทางทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่นแล้วหลบหนีไปไม่หยุดช่วยเหลือ ไม่แสดงตนแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ใกล้เคียงทราบทันที

 

ภาพบางส่วนจาก อมรินทร์ทีวี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน