กรณีกองกำกับการตรวจคนเข้าเมืองหนองคาย จับนายหัสดี ทิพะสอน อายุ 34 ปี หรือ เป๊ปซี่ ชาวบ้านท่านาแล้ง เมืองหาดทรายฟอง กำแพงนครเวียงจันทน์ สปป.ลาว ถือหนังสือเดินทางเลขที่ P1483885 ซึ่งทำงานรับจ้างอยู่ที่โกดังสินค้าไม่มีชื่อ เลขที่ 393/2 ซอยจิตตะปัญญา หมู่ 5 ถนนประจักษ์ ต.ในเมือง อ.เมืองหนองคาย หลังมีชื่ออยู่ในการติดต่อกับเครือข่ายนายฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือโกตี๋ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่านายธีรชัย อุดรวิเชียร อายุ 54 ปี กลุ่มคนต้านรัฐบาล คสช.ที่ถูกจับพร้อมอาวุธสงครามก่อนหน้านี้ และโกตี๋ มีการติดต่อผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์กับนายเป๊ปซี่ ชาวลาว ให้นำสิ่งของข้ามไปส่งให้กับเครือข่ายที่อยู่ใน สปป.ลาว เจ้าหน้าที่จึงได้สืบสวนจนทราบว่านายเป๊ปซี่ทำงานอยู่ที่โกดังสินค้าภายในเขตเทศบาลเมืองหนองคาย จึงเชิญตัวมาสอบสวน เจ้าตัวอ้างไม่รู้จักโกตี๋โดยตรง แต่มีคนติดต่อให้นำของไปส่งที่ลาว เบื้องต้นตั้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้น

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม (ยธ.) พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงความคืบหน้าการคดีกับเครือข่ายของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ โกตี๋ ว่า เจ้าหน้าที่จับกุมตัวนายหัดสะดีได้ที่ในเขตเมือง จ.หนองคาย เนื่องจากตรวจสอบพบว่ามีความเชื่อมโยงกับนายวุฒิพงศ์ ซึ่งก็มีข้อมูลตรงกันในการติดต่อกับนายธีรชัย อุตรวิเชียร หรือ ระพิน 1 ใน 9 ผ้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเป็นความเกี่ยวข้องกันและเราจะขยายผลต่อไป

ซึ่งขณะนี้เราได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคำแล้ว ทั้งนี้ เท่าที่ทราบข่าวตามสื่อ ก็จะเห็นว่าเขามีการรับสารภาพเองว่ามีการติดต่อ ส่งของให้นายวุฒิพงศ์ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ต้องไปดูว่าที่เขาให้การมาเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีหรือไม่ ส่วนอาวุธสงครามที่ตรวจค้นได้ก่อนหน้านี้ ขณะนี้มีเพียงปืน 1 กระบอก ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อปี 2553 ที่เหลือก็ต้องตรวจสอบต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงกรณีที่เป็นลังกระดาษ เป็นเครื่องเสียง พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า หลังจากมีการตรวจสอบข้อความสนทนาในแอพพลิเคชั่นไลน์ ก็จะพบว่าการติดต่อของนายธีรชัยกับกลุ่มนี้ มีการติดต่อกันจริง และหลายครั้งที่บางสื่อบอกว่าเรื่องนี้เป็นการจัดฉากนั้น ก็อยากให้เห็นชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การจัดฉาก มันมีข้อเท็จจริงอยู่

อีกทั้ง ตัวละครก็ดี ข้อมูลต่างๆ ก็ดี มันเป็นข้อเท็จจริงที่เราตรวจสอบพบ และตัวเขาก็รับเองว่ามีการติดต่อกันจริง ส่วนจะมีการส่งเครื่องเสียงและอาวุธกันจริงหรือไม่นั้น ในการตรวจสอบก็จะต้องตรวจสอบต่อไป แต่ในข้อเท็จจริงหลังจากมีการตรวจค้น บางสื่อบางฉบับก็พูดกันว่าเป็นการจัดฉาก ดังนั้น ตรงนี้เจ้าหน้าที่ก็ชี้ให้เห็นชัดเจนว่าการจับกุมครั้งนี้มีหลักฐานจริง และเป็นการสืบสวนขยายผลจริง

ถามถึงในส่วนของนายวุฒิพงศ์จะมีการประสานกับต่างประเทศอย่างไรบ้าง อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า เราจะต้องประสานอยู่แล้ว อีกทั้ง คดีนี้ก็ต้องมีหมายจับเพิ่มเติม ซึ่งเดิมเรามีหมายจับความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่แล้ว ที่ดำเนินการอยู่ แต่พอเรื่องนี้หากสามารถออกหมายจับได้ ก็จะต้องมีการประสานต่อไป ส่วนที่มีข่าวว่านายวุฒิพงศ์เดินทางออกจาก สปป.ลาว ไปแล้วนั้น ทางการข่าวก็ยังต้องพิสูจน์ทราบว่าจริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากทราบที่อยู่ที่ชัดเจนแล้ว ทางเราก็คงจะต้องมีการประสานต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน