คมนาคม จัดหนัก! จ่อปลดล็อกความเร็ว เหยียบได้ 120 กม./ชั่วโมง แก้ปัญหารถติด แก้ไขเวลารถบรรถทุกวิ่ง ก่อสร้างล่าช้า ฝุ่นละอองจากควันรถ

วันที่ 30 ก.ค. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับนายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เพื่อมอบนโยบายให้แก่ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัด ว่า เบื้องต้นตนจะรับผิดชอบดูแลหน่วยงานที่เกี่ยวกับทางบก และทางราง รวมไปถึง บริษัทท่ากาศยานไทย จำกัด(มหาชน) ส่วนนายอธิรัฐรับผิดชอบหน่วยงานทางน้ำ ส่วนนายถาวรรับผิดชอบหน่วยงานทางอากาศ

ทั้งนี้แต่ละหน่วยงานต้องคำนึงถึงการให้บริการประชาชน ให้ได้รับความสะดวก สบาย ปลอดภัย ประหยัด ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาภาระค่าครองชีพ โดยลดภาระค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน ลดภาระงบประมาณให้รัฐบาล โดยการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ ทุกโครงการของกระทรวงคมนาคม ต้องโปร่งใส ตรวจสอบได้

นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่จะเร่งรัดให้ดำเนินการก่อน ประกอบด้วย 4 เรื่อง คือ 1.การปรับเพิ่มอัตราความเร็วของรถทุกชนิดทั้งส่วนบุคคล และรถสาธารณะที่วิ่ง บนถนนที่มีการจราจร 4 ช่องทางจราจรขึ้นไป ให้สามารถใช้อัตราความเร็วได้ไม่เกิน 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากปัจจุบันที่สามารถใช้ความเร็วได้เฉลี่ย 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง

ทั้งนี้ เพื่อเร่งระบายการจราจรและแก้ปัญหารถติด ซึ่งตนมองว่าเราต้องยอมรับความจริงว่าปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ก็ฝ่าฝืนมีการใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง อยู่แล้ว โดยอาจจะต้องกลับไปแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อปรับเพิ่มอัตราความเร็ว แต่ทั้งนี้ ต้องไปหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก่อน

2.ปรับช่วงเวลาวิ่งของรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยจะอนุญาตให้วิ่งเฉพาะช่วงตั้งแต่ เที่ยงคืน-ตี4 เท่านั้น จากเดิมที่อนุญาตให้วิ่งตั้งแต่ 10 โมงเช้า-4 โมงเย็น ทั้งนี้เพื่อ ให้สอดคล้องกับสภาพการจราจรและการใช้รถใช้ถนนของประชาชนในปัจจุบันและบรรเทาปัญหารถติดในเมือง

เบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาข้อดี และข้อเสียรวมถึงมาตรการ เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) พิจารณาอนุมัติต่อไป จากนั้นให้ สตช. นำมติ คจร. ไปออกข้อบังคับพนักงานจราจร เพื่อกำหนดเวลาและพื้นที่ที่ห้ามรถบรรทุกวิ่งต่อไป

3.การแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนด ก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น โครงการปรับปรุงถนนพระราม 2

4. การแก้ไขปัญหามลภาวะ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 จากรถบรรทุก รถโดยสารสาธารณะ โดยเข้มงวดการตรวจสอบสภาพรถให้เป็นไปตามกฎหมาย

“นโยบายเร่งด่วนทั้ง 4 เรื่องนี้ หน่วยงานในสังกัดต้องกลับไปศึกษาข้อมูล และนำเสนอแผนการแก้ไขปัญหาให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน”

ลดค่าภาระค่าครองชีพ

นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่านอกจากนี้ ยังมอบหมายให้ทุกหน่วยงานเร่งหามาตรการลดภาระค่าครองชีพให้แก่ประชาชนดังนี้ 1.ศึกษาแนวทางการปรับลดอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญาและงบประมาณของรัฐบาล โดยจะเริ่มปรับลดจากรถไฟฟ้าที่อยู่การดูและของรัฐบาลคือ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ รถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน และรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต

ส่วนตัวเลขจะเป็นเท่าไหร่ต้องรอผลการศึกษา ซึ่งตัวเลข 15 บาทนั้นที่ผ่านมาตนไม่เคยพูดถึงตัวเลขนี้

2.ศึกษาแนวทางการปรับลดค่าผ่านทางพิเศษทุกประเภท (ทางพิเศษ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โทลล์เวย์) ตั้งแต่ 5 – 10 บาท โดยไม่มีผลกระทบต่อสัญญา

3.พัฒนาการให้บริการรถโดยสารประจำทาง ขสมก. และรถร่วมโดยสารประจำทาง ให้เป็นรถโดยสารปรับอากาศทั้งหมด และมีการจัดเก็บค่าโดยสารเป็นระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E–Ticket ระบบตั๋วร่วม โดยทั้งหมดนี้หน่วยงานจะต้องนำเสนอแผนงานในแล้วเสร็จภายใน1เดือน

นอกจากนี้ ให้การทางพิเศษแห่ประเทศไทย (กทพ.) และกรมทางหลวง (ทล.) กลับไปจัดทำแผนการแก้ไขปัญหารถติดสะสมบนด่านเก็บเงินทาพิเศษและมอเตอร์เวย์ โดยจะต้องหามาตรการและเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่นำใช้คือให้รถสามารถวิ่งผ่านไปได้โดยที่ไม่ต้องรอไม้กั้นเพื่อลดความแออัดรถหน้าด่าน

รวมทั้งได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณากรณีที่ บอร์ด กทพ. มีมติให้ขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนให้บริษัททางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ บีอีเอ็มอีก 30 ปี เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทซึ่งมีมูลหนี้ฟ้องร้องจำนวน2คดี มูลหนี้ 5.9 หมื่นล้านบาท

รวมทั้งจะต้องสร้างทางเลือกใหม่ด้านบริการสาธารณะให้กับประชาชน ผ่านแอพพลิเคชั่น และกำหนดแนวทาง มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (TAXI) รูปแบบเดิม โดยมอบให้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.)ดำเนินการดังนี้

1) ศึกษารูปแบบ เงื่อนไขการอนุญาตบริการรถรับจ้าง โดยสารสาธารณะผ่านแอพพลิเคชั่น หรือแกรป ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้บริการประชาชน

2) ศึกษาและกำหนดมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้างโดยสารสาธารณะ (TAXI) ในปัจจุบัน ให้มีการเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย โดยจะต้องเรียกทุกส่วนที่เกี่ยวมาหารือร่วมกับก่อน โดย ขบ. จะต้องนำเสนอแผนงาน พร้อมแนวทางปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน

ผู้รับเหมาไทยต้องได้งานก่อน

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ยังให้นโยบาย ในโครงการก่อสร้างททุกหน่วยงานใช้หลัก Thai First คือ ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้งานก่อน เป็นหลักสำคัญ โดยจะต้องเน้นการใช้วัสดุทดแทนที่ผลิตจากยางพารา ในโครงการต่าง ๆ เช่น หลักเขตบอกทาง หมอนรางรถไฟ เป็นต้น เพื่อช่วยยกระดับราคายางพารา แก้ปัญหารายได้ของเกษตรกรชาวสวนยาง

รวมทั้ง ส่งเสริมให้ท่าอากาศยานภูมิภาคเป็นศูนย์กลางรวบรวมผลผลิต และกระจายสินค้าเกษตรออกสู่ตลาด ทั้งนี้ทุกโครงการต้องทำตามตามกฎหมายโดยเคร่งครัด ยึดถือความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รัฐมนตรีและข้าราชการจะต้องไม่มีใครติดคุก หรือหนีคดีออกนอกประเทศเด็ดขาด

ส่วนนโยบายการขนส่งทางรางเร่ง พัฒนารถไฟทางคู่ เพิ่มการขนส่งระบบราง 30% ภายในเวลา 3 ปี เพื่อให้เป็นระบบโลจิสติกส์หลักในการขนส่งสินค้า และ พัฒนาการขนส่งทางน้ำจากท่าเรือบางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ไปท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อลดปริมาณรถบรรทุกจากภาคใต้เข้าสู่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

ทางอากาศให้เร่ง เพิ่มศักยภาพท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานภูมิภาค ให้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ไม่น้อยกว่า 150 ล้านคน จากปัจจุบัน 100 ล้านคน , สนับสนุนสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) ให้บริการประชาชนในภูมิภาคเพิ่มขึ้น และให้มีคุณภาพการให้บริการตามมาตรฐานสากล เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน