เมื่อเวลา 13.20 น.วันที่ 30 มี.ค.60 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รองผบช.ภ.5 ให้สัมภาษณ์ว่า นางยศวดี ปานเหง้า อายุ 55 ปีภรรยา ถูกสายการบินนกแอร์ไล่ลงจากเครื่องบิน และไม่มีการคืนเงินชดเชย โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อนางยศวดีได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช ที่กรุงเทพ เนื่องจากน้ำในหูไม่เท่ากัน จึงทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาล 2 วันจนหายดีแพทย์ก็ให้ยากลับมาทานที่บ้าน จึงได้ทำการซื้อตั๋วสายการบินดอนเมือง-อุดรธานีของสายการบินดังกล่าว เที่ยวบินที่ DD 9202 ออกเดินทาง 10.00 น. เลขที่นั่ง 41 C ในราคา 1,450 บาท

พล.ต.ต.ชูรัตน์ กล่าวว่า ก่อนที่นางยศวดีจะเดินขึ้นเครื่อง นางยศวดีก็เกิดความกังวลใจ จึงได้บอกกับแอร์โฮสเตสสาวว่าหากตอนลงเครื่องแล้วรู้สึกวิงเวียน ก็ขอให้เตรียมวีลแชร์ให้ด้วย กลัวไว้ก่อน ทางแอร์สาวก็ได้ไปบอกกับกัปตันของสายการบิน และกัปตันกลับให้รปภ.มาเชิญนางยศวดีลงจากเครื่องบิน โดยให้เหตุผลแค่ว่าเพื่อความปลอดภัย และเป็นระเบียบของสายการบินนกแอร์

พล.ต.ต.ชูรัตน์กล่าวว่า เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลย ภรรยาตนแค่กังวล จึงบอกให้เจ้าหน้าที่ทราบว่าไม่เป็นอะไร แต่แค่กังวล แต่เขากลับไล่ลงเครื่องซะแบบนั้น ตนก็อยากรู้ทำไมสายการบิน ใครเป็นโรคอะไรขึ้นเครื่องได้ขึ้นเครื่องไม่ได้ไม่เห็นมีแจ้ง กลับไล่ลงทั้งๆที่ภรรยาของตนพยายามเอาใบรับรองแพทย์ และต่อสายให้คุยกับแพทย์ว่าอาการที่เป็นอยู่ไม่ได้กระทบอะไรกับการนั่งเครื่องบิน

“แต่กัปตันก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น กลับให้คนมาพยายามลากภรรยาผมลงจากเครื่อง ซึ่งเรื่องนี้ผมจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด โดยให้ภรรยาไปแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน ผมก็อยากจะฝากบอกไปถึงผู้บริหารสายการบิน ทำแบบนี้เป็นการกระทบจิตใจกันอย่างมาก”พล.ต.ต.ชูรัตน์กล่าว

ต่อมาพล.ต.ต.ชูรัตน์ได้ติดต่อโทรศัพท์แบบเฟซไทม์กับภรรยา โดยนางยศวดีกล่าวว่า ตนมีระบบน้ำจากหูไม่เท่ากัน และเพิ่งได้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวาน นอนอยู่กับหลานที่คอนโด วันนี้ก็เลยกลับเพราะว่าตั๋วเครื่องบินเมื่อวานหมด ตอนมาขึ้นเครื่องก็เดินมาตามปกตินี่แหละ ขณะกำลังจะขึ้นเครื่องก็เห็น วีลแชร์รอตรงปากประตูงวงช้าง พอไปนั่งเสร็จก็คิดขึ้นได้ หากเกิดอาการวิงเวียนศีรษะหรือเกิดอาการหน้ามืดขึ้นมา จึงได้บอกพนักงานแอร์โฮสเตสเครื่องว่า “หากเกิดวิงเวียนศีรษะ หรืออะไรขึ้น มีวีลแชร์อยู่ ก็ขอประสานอาจจะขอวีลแชร์หน่อยนะ เอาไว้บริการคนไข้ ใช่ไหม” พนักงานแอร์โฮเตส ก็ได้ถามตนว่า “ใช่ แล้วเป็นอะไร แล้วมีใบรับรองแพทย์ไหม”

ด้วยความซื่อก็เอาออกมาให้ดูหมดเลย และตนได้ต่อโทรศัทพ์กับคุณหมอ ให้แอร์โฮสเตสได้พูดคุยด้วย หมอก็บอกกับแอร์โฮสเตส ว่าคนไข้นั้นน้ำในหูไม่เท่ากันและได้รับการรักษาแล้วดีแล้วให้กลับบ้านได้ สามารถขึ้นเครื่องได้ หมอก็บอกให้หมด แทนที่จะบริการให้ตน แต่กลับวิ่งไปบอกกัปตันให้มาดุตน และกัปตันก็ได้บอกมาว่า ไม่ให้ให้ลงจากเครื่อง

ตนก็ได้บอกว่า “ฉันจะกลับแล้วนะเนีย ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไร กับตันก็ได้บอกว่า หากเป็นอะไรไปหรือตายบนเครื่องบินไม่รับผิดชอบนะ และช่วยเซ็นให้หน่อย ตนก็ได้บอกว่า ทำไมต้องเซ็น และก็เกิดการโต้เถียงกัน พนักงานก็ได้บอกว่าเป็นกฏ ตนก็ได้บอกว่า กฏอะไรฉันไม่รู้ คุณประกาศไว้ตรงไหน จะรู้ไหมเนี่ยว่ากฏอะไรให้ขึ้น กฏอะไรให้ลง ทางพนักงานก็ได้บอกตนว่า งั้นถ้าตายไม่รับผิดชอบ ตนก็บอกว่าตายทุกกรณีเลยหรือ ทำไม่ไม่ระบุว่าไม่รับผิดชอบหากตายด้วยโรคความดัน

แต่หากเครื่องบินตกแล้วตายโหงทั้งลำ คุณจะไม่รับผิดชอบฉันด้วยใช่ไหม ทางพนักงานก็ได้บอกว่า ไม่รู้ละไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น จะเอาลงให้ได้ ตนก็ได้บอกว่า งั้นคืนเงินมา ทีฉันซื้อฉันซื้อเงินสด ทางเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่คืน หากอยากได้คืนให้ลงไปเอาข้างล่าง ตนก็ได้บอกว่า หากไม่ได้ ก็เหมือนกับหลอกให้ฉันลงเครื่องฟรีซิ

พนักงานก็ได้เรียก รปภ. เจ้าหน้าที่ในการท่ามา ตอนนั้นก็เกิดวุ่นวายกันใหญ่เลย และมีผู้โดยสารในเครื่องคนหนึ่ง ได้ตะโกนบอกผู้โดยสารบริจาคเงินค่าโดยสารให้ตนคนละบาท เพื่อให้พ้น ๆ ตนเสียใจกับคำพูดของผู้โดยสารคนนั้นมาก และตนได้พยายามที่จะบันทึกภาพ แต่ปรากฏว่าพนักงานได้บอกว่าห้ามถ่าย เป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล และบอกให้ตนว่าหากถ่ายอะไรลงไปให้ลบด้วย ละเมิดสิทธิ ห้ามถ่าย

“สุดท้ายตอนแรกว่าจะขึ้นรถโดยสารเอาแทน และได้ติดต่อประสานกับสามี และสุดท้ายก็ได้ขึ้นเครื่องของอีกสายการบิน ช่วงบ่ายสองโมง ฉันก็ได้รีบไปซื้อตั๋วทันที ทางสายการบินดังกล่าวก็ให้บริการดีตามปกติ” นางยศวดีกล่าวทั้งน้ำตา

ต่อมารายงานข่าวจากฝ่ายสื่อสารองค์กร สายการบินนกแอร์ ชี้แจงถึงกรณีที่มีผู้โดยสารายหนึ่งออกมาระบุว่าถูกไล่ลงจากเที่ยวบิน DD9202 เส้นทางบินดอนเมือง-อุดรธานี ซึ่งมีกำหนดออกเดินทางจากดอนเมืองเวลา 10.00น. วันที่ 30 มี.ค. ว่า ก่อนเที่ยวบินดังกล่าวจะขึ้นบินจากสนามบินดอนเมือง มีผู้โดยสารหญิงรายหนึ่งซึ่งเดินทางมาคนเดียว เดินทางขึ้นมานั่งบริเวณที่นั่งผู้โดยสาร และแจ้งกับลูกเรือว่าจะขอใช้บริการวีลแชร์เมื่อเดินทางไปถึงยังปลายทางคือสนามบินอุดรธานี โดยให้เหตุผลว่าไม่ค่อยสบายเนื่องจากเป็นโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

ลูกเรือได้ปฏิบัติตามหลักมาตรฐานความปลอดภัยด้านการบิน ด้วยการขอดูใบรับรองแพทย์ที่เซ็นอนุญาตให้เดินทางบนเครื่องบิน เนื่องจากโรคดังกล่าวเป็นโรคที่อันตรายต่อการโดยสารเครื่องบิน เนื่องจากภายในห้องโดยสารจะมีการปรับเปลี่ยนความดันเมื่อทำการบินในระยะที่สูงขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบต่อความปลอดภัยของผู้โดยสารเอง ซึ่งผู้โดยสารแจ้งกับลูกเรือว่าไม่มีใบนับรองแพทย์

จากนั้นลูกเรือได้ขอให้ผู้โดยสารทำการลงชื่อในเอกสารรับรองความปลอดภัยของตนเองตามแบบฟอร์มของสายการบิน กรณีที่ผู้โดยสารประสงค์จะเดินทางแต่ไม่มีใบยินยอมการเดินทางจากแพทย์ แต่ผู้โดยสารคนดังล่าวไม่ยอมลงชื่อ โดยไม่ได้บอกเหตุผลของการไม่ยอมลงชื่อ ทำให้นักบินตัดสินใจขอให้ผู้โดยสารคนดังกล่าวงดการเดินทางกลับเที่ยวบินดังกล่าว เพราะเกรงว่าจะเกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้โดยสาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน