เมียร้องผัววิศวะถูกบริษัทใหญ่ในลาว กักตัว นาน 10 เดือน อ้างทำงนผิดพลาด เรียกค่าไถ่ 1.7 ล้าน พร้อมขู่ให้ติดคุก 30 ปี เมียวิ่งเต้นถามเรื่องคดี ตร.ไม่พบหลักฐานทำผิด ขอความช่วยเหลือกงสุล และทุกหน่วยงานในไทยรวมถึงลุงตู่ แต่ไม่ได้รับความช่วยเหลือแม้หน่วยงานเดียว

เรียกค่าไถ่ / เมื่อวันที่ 1 ก.ย. น.ส.ขวัญตา ลัทธิ อายุ 47 ปี ชาว ต.ถนนหัก อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ร้องสื่อว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากไปร้องขอความช่วยเหลือเพราะสามีถูกกักขังที่ตรวจคนเข้าเมืองฝั่งประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว นานกว่า 10 เดือน

น.ส.ขวัญตา เล่าว่า นายกิตติเดช ลัทธิ สามี ทำงานเป็นวิศวกรโยธาให้กับบริษัทรับเหมายักษ์ใหญ่ระดับ Top Five ของประเทศสาธารณรัฐประชาชนลาว ตั้งแต่ปี 2557 ได้รับค่าจ้างเงินเดือนละ 160,000 บาท
เมื่อวันที่ 20 ต.ค.2561 มีเฮียสุ่ย (ชาวลาว) โทรมาแจ้งว่า นายกิตติเดช ถูกตม.ฝั่งประเทศลาวกักขังไว้โดยไม่ทราบสาเหตุ จึงรีบเดินทางไปพบสามีที่ตม.ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า “ไม่มีข้อหาหนัก เดี๋ยวคุยกันกับคู่กรณีก็จบแล้ว” แต่สิ่งที่ตนอยากรู้คือถูกจับในความผิดอะไร แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

จนกระทั่งทราบว่านายบุญเที่ยง พ่อตาของบริษัท ซึ่งเป็นนายจ้างแจ้งว่า จะต้องใช้เงินในการปล่อยตัว 1,750,000 บาท ฐานทำงานผิดพลาดให้กับบริษัท ตอนนี้เรื่องอยู่กับตำรวจ ตนก็วิ่งเต้นเพื่ออยากทราบข้อกล่าวหา ผ่านไป 4 เดือน มาทราบจากตำรวจลาวว่า นายกิตติเดชไม่มีความผิด เพราะไม่พบหลักฐานว่าช่อโกงตามบริษัทฯกล่าวอ้าง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยตัว มีการเตะถ่วงกันไปมา

ตนจึงสอบถามสามี จนทราบว่า ตนกับประธานบริษัทไม่มีอะไร ให้เงินเดือนสูงถึง 160,000 บาท แถมยังยกรถบีเอ็มดับบลิวให้ 1 คัน ทำให้หลายคนในบริษัทไม่ค่อยพอใจ โดยเฉพาะนายบุญเที่ยง พ่อตาประธานบริษัท จึงคิดว่าน่าจะหาวิธีกลั่นแกล้ง

น.ส.ขวัญตา กล่าวต่อว่า จากนั้นไปขอความช่วยเหลือที่กงสุลไทยประจำประเทศลาว เจ้าหน้าที่ให้เขียนคำร้องไว้ เวลาผ่านไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น สามีกลับถูกย้ายไปกักขังที่ “โพนต้อง” (ศูนย์กักกัน)
จากนั้นกลับมาวิ่งเต้นเพื่อร้องขอความเป็นธรรมในประเทศไทย โดยยื่นร้องขอความช่วยเหลือกับผู้ตรวจการแผ่นดิน, กระทรวงต่างประเทศ, กรรมมาธิการสิทธิ์ฯ, รัฐมนตรีต่างประเทศ, สำนักนายกรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี แต่จนถึงขณะนี้ผ่านไปกว่า 10 เดือน ยังไม่มีหน่วยงานใดออกมาให้ความช่วยเหลือ ทั้งที่สามีไม่ได้กระทำผิดกฎหมายในลาว

น.ส.ขวัญตา ยังกล่าวด้วยความน้อยใจว่า อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นใจคนไทยที่ไปทำงานต่างแดน เขาก็หวังพึ่งเจ้าหน้าที่ของไทยในการเข้าไปช่วยเหลือ แต่ครั้งนี้ตนและสามีไม่ได้รับการช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น

“ขนาดดิฉันเคยเรียนกฎหมายยังขนาดนี้ ถ้าเป็นตาสีตาสา ที่ไปได้รับความเดือดร้อนในต่างประเทศจะทำอย่างไร ตอนนี้ถ้าฝั่งบริษัทในลาวจะเรียกเงิน 1.75 ล้าน ก็พร้อมจ่าย แต่ทำไมเตะถ่วง หรือจะเป็นไปตามคำขู่ของกลุ่มอิทธิพลก่อนหน้านี้ว่า จะให้สามีติดคุกไม่เห็นเดือนเห็นดาว 30 ปี” น.ส.ขวัญตา กล่าว

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน