ปอศ. จับหนุ่มบริษัทมือถือ ฉกข้อมูลบัตรลูกค้า รูดปื๊ดออนไลน์ เสียหาย 10 ล้าน

ฉกข้อมูลบัตรลูกค้า / เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 11 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ(บก.ปอศ.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ปอศ.

ฉกข้อมูลบัตรลูกค้า

พร้อม พ.ต.อ.ภาดล จันทร์ดอน ผกก.5 บก.ปอศ พ.ต.ต.กริช วรทัต สว.กก.6 บก.ป.ช่วยราชการ กก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.ภูวเดช จุลกะเสวี สว.กก.5 บก.ปอศ. พร้อมชุดจับกุม

และนายพนมศักดิ์ เครืออินทร์ ผู้จัดการฝ่ายป้องกันการทุจริต บ.บัตรกรุงไทย จำกัด แถลงจับกุมนายสาธิต จันทร์โพธิ์ อายุ 29 ปี ชาว ต.ไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ พนักงานหน้าเคาเตอร์ บริษัทโทรศัพท์มือถือค่ายดังแห่งหนึ่ง

พร้อมของกลางสินค้าที่สั่งออนไลน์จากต่างประเทศจำนวนมาก อาทิ รองเท้าอดิดาส รุ่น yeezy ราคากว่า 2 หมื่นบาทหลายคู่ กระเป๋าแบรนด์เนมหลายใบ นาฬิกาหรูหลายเรือน อาทิ นาฬิกาโรเล็กซ์ รวมมูลค่าหลายแสนบาท โดยจับกุมได้ที่บริเวณหน้าเซ็นทรัลพระราม2 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า คดีนี้เริ่มจากมีผู้เสียหายมาแจ้งความที่ บก.ปอท.เมื่อ 1 อาทิตย์ก่อนหน้านี้ ว่าถูกนำรหัสบัตรเครดิตไปสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ อาทิ เว็บไซต์ Amazon และEbay ราคาหลายหมื่นบาทจากต่างประเทศ และมีการเรียกเก็บเงินหักจากบัตรเครดิต

บก.ปอท.จึงประสานให้ บก.ปอศ.ทำการสืบสวน เพราะเป็นคนร้ายสร้างความเสียหายจำนวนมาก และมีการวางแผนปกปิดร่องรอยไม่ให้ตามได้ง่ายๆ จึงสั่งให้ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ.ดำเนินการสืบสวน และตามจับกุมผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ด้านพ.ต.อ.ภาดล เผยว่า ชุดสืบสวน กก.5 บก.ปอศ.ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาจะใช้วิธีนำข้อมูลบัตรเครดิตลูกค้า รวมทั้งข้อมูลจากบัตรประชาชนไปซื้อของผ่านเว็บไซต์จากต่างประเทศ เมื่อสินค้าส่งมาถึงบริษัทส่งสินค้าในประเทศไทย จะนำไปส่งให้ลูกค้า

แต่ผู้ต้องหาให้ที่อยู่ปลอมไป เมื่อไม่มีผู้รับ ก็จะตีกลับไปยังศูนย์ส่งสินค้า จากนั้นผู้ต้องหาจะปลอมแปลงเอกสารใบมอบอำนาจ และจ้างวานวินจยย.รับจ้างให้ไปรับสินค้ามาแทน ก่อนนำมาส่งให้คนร้าย เมื่อได้สินค้ามาแล้วจะนำไปปล่อยขายตามกลุ่มต่างๆในเฟซบุ๊กและโลกออนไลน์ ก่อนนำเงินสดไปใช้จ่ายและซื้อสินค้าอย่างอื่นต่อไป

ฉกข้อมูลบัตรลูกค้า

“ชุดจับกุมแอบสะกดรอยวินจยย.รับจ้างที่ถูกจ้างวานให้ไปรับสินค้า กระทั่งพบว่านำมาส่งให้ผู้ต้องหาที่ริมถนนหน้าเซ็นทรัลพระราม 2 เมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา จากนั้นขยายผลไปค้นบ้านพักผู้ต้องหา เลขที่ 115/97 หมู่ 6 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบของกลางเป็นรองเท้า กระเป๋า นาฬิกาหรูจำนวนมากก่อนทำการยึดและนำตัวมาสอบสวนที่ บก.ปอศ.” พ.ต.อ.ภาดล กล่าว

พล.ต.ต.ไมตรี เผยอีกว่า เบื้องต้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ว่าจบ ป.ตรี คณะบริหารคอมพิวเตอร์จาก มหาลัยเอกชนชื่อดัง ในกรุงเทพฯ และ 2 ปีที่ผ่านมา ไปทำงานเป็นพนักงานหน้าเคาเตอร์ โทรศัพท์มือถือค่ายหนึ่ง คอยบริการเก็บเงินค่าบริการค่าโทรศัพท์ของลูกค้า

ทำให้สามารถแอบจดข้อมูลบัตรเครดิตและบัตรประชาชนลูกค้าไว้ได้ ต่อมาถูกบริษัทจับได้จนถูกไล่ออก จึงมาทำงานที่บริษัทให้บริการมือถืออีกค่ายได้ 3-4 เดือน ก็ยังมีพฤติกรรมนำข้อมูลลูกค้าไปซื้อสินค้าจากต่างประเทศอีก รวมแล้วผู้ต้องหาทำมาแล้ว 3 ปี

นำเงินไปซื้อบ้านย่านพระราม 2 ราคา 2 ล้านบาท รถยนต์มินิคูเปอร์ ราคา 2.5 ล้านบาท รถยนต์ฮอนด้าซีอาร์วี ราคา 1.4 ล้านบาท และรถยนต์โตโยต้า ซีเอชอาร์ ราคา กว่า 1 ล้านบาท เป็นต้น เจ้าหน้าที่ทำการอายัดทรัพย์สินทั้งหมด พร้อมแจ้งข้อหาปลอมแปลงเอกสาร และนำบัตรอิเล็กทรอนิกส์ผู้อื่นไปใช้ชำระสินค้าโดยมิชอบ ฯลฯ จากนั้นนำตัวส่งฝากขังศาลอาญาธนบุรีตามกฎหมาย

ขณะที่นายพนมศักดิ์ เผยว่า วิธีป้องกันไม่ให้ถูกคนร้ายนำข้อมูลบัตรเครดิตไปใช้ เมื่อเราให้บัตรเครดิตกับพนักงานไปรูดซื้อสินค้า จะต้องไม่ให้บัตรเครดิตคลาดสายตา และอีกวิธีคือนำสติกเกอร์ไปปิดเลข CVC 3 ตัว หลังบัตร คนร้ายจะได้ไม่เห็น และสมัครแอพพลิเคชั่น หรือสมัครให้แจ้งเตือนทางข้อความ กับธนาคารต้นสังกัด เมื่อมีการรูดซื้อสินค้าผ่านบัตรเครติด จะมีข้อความแจ้งเตือนเจ้าของบัตรทันที

 

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน