ฎีกาคุก เสื้อแดง คดีล้มถกอาเซียน ‘กี้ร์-พวก’โดนหมายจับ ‘ไวพจน์’หมายเรียก ฟังพิพากษาอีก 31 ตค.

เสื้อแดง / เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลจังหวัดพัทยา อ่านคำพิพากษาฎีกา คดีที่ “13 นปช.” อัยการยื่นฟ้อง ร่วมกันชุมนุมบุกรุกไปยังโรงแรม รอยัลคลิฟ บีช พัทยา เพื่อขัดขวางการประชุมอาเซียนปี 2552 นั้น ซึ่งวันนี้ “นายศักดา นพสิทธิ์” จำเลยที่ 10 เดินทางมาศาลตามหมายเรียกเพียงคนเดียว ส่วนจำเลยอื่น มีทั้งที่ระบุมีอาการป่วย , ไม่ได้รับหมายเรียกและที่ได้รับหมายเรียกแล้วไม่มาศาล

ศาลจังหวัดพัทยาจึงอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้เฉพาะ “นายศักดา นพสิทธิ์” จำเลยที่ 10 ฟัง ซึ่งศาลฎีกาพิพากษายืน ตามศาลอุทรธรณ์ภาค 2 ที่ให้จำคุก 4 ปี โดยไม่รอลงอาญา ฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชน เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2)(3) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด โดยเมื่อนายศักดาฟังผลคำพิพากษาฎีกาซึ่งถึงที่สุดตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงควบคุมตัวไปคุมขังยังเรือนจำ เพื่อรับโทษตามคำพิพากษา

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ทั้งนี้ทีมทนายความจำเลยด้อธิบายขั้นตอนว่า ในวันนี้ศาลจังหวัดพัทยานัดอ่านคำพิพากษาฎีกาคดี ซึ่งมีจำเลยทั้งสิ้น 13 คน แต่วันนี้ในส่วนของนายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง และนพ.วัลลภ ยังตรง จำเลยที่ 1 และที่ 16 ไม่ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษา โดยมอบอำนาจให้ทนายความยื่นคำร้องขอให้เลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาฎีกาวันนี้ออกไปก่อน เนื่องจากจำเลยทั้งสองมีอาการป่วย พร้อมนำใบรับรองแพทย์มาแสดง ซึ่งศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาคำร้องในส่วนนี้แล้ว เห็นว่าอาการป่วยนั้นไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ และให้ออกหมายจับจำเลยทั้งสอง เพื่อมาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค. เวลา 09.00 น. โดยศาลให้ปรับนายประกันของจำเลยทั้งสองด้วย

นอกจากนี้ยังมีในส่วนของพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จำเลยที่ 3 , นายสำเริง ประจำเรือ จำเลยที่ 6 , นายวรชัย เหมะ จำเลยที่ 13 ก็ปรากฏว่ายังไม่ได้รับหมายเรียกที่ศาลแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาวันนี้ จึงไม่ได้เดินทางมาศาล โดยศาลจังหวัดพัทยาพิจารณาแล้วให้ออกหมายเรียกจำเลยทั้งสามมาฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นี้ วัน-เวลาเดียวกันกับนายอริสมันต์

ส่วนจำเลยอื่นอีก 7 คน (จำเลยที่ 2,4,5,11,12,15,17) ปรากฏว่าศาลส่งหมายเรียกแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาฎีกาให้ทราบแล้ว แต่วันนี้จำเลยทั้ง 7 คนไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลจังหวัดพัทยาจึงให้ออกหมายจับจำเลยทั้ง 7 เพื่อมาฟังคำพิพากษาต่อไปเช่นกัน พร้อมให้ปรับนายประกันจำเลยทั้ง 7 คนเต็มจำนวนสัญญาประกันด้วย

โดยคำพิพากษาศาลฎีกาที่อ่านในวันนี้ถือว่าเฉพาะนายศักดา นพสิทธิ์ จำเลยที่ 10 เท่านั้นที่ได้รับฟังผล ส่วนจำเลยอื่นถือว่ายังไม่ได้รับฟังคำพิพากษา ยังไม่ทราบผลคำพิพากษา ซึ่งในส่วนของพ.ต.ท.ไวพจน์ , นายวรชัย , นายสำเริง ที่ศาลจังหวัดพัทยาออกหมายเรียกแจ้งให้มาฟังคำพิพากษาฎีกาอีกครั้งในวันที่ 31 ต.ค.นั้น ก็ต้องมาตามวันที่ศาลนัดต่อไป ส่วนนายอริสมันต์ และจำเลยร่วมที่เหลือ 9 คน ซึ่งศาลให้ออกหมายจับนั้น เจ้าหน้าที่ต้องติดตามตัวมาส่งศาลในวันนัดที่ 31 ต.ค.เพื่อฟังคำพิพากษาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับคำพิพากษาศาลฎีกาที่อ่านให้จำเลยที่ฟังในวันนี้ ระบุว่า ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องในส่วนของนายสมญศฆ์ พรมภา จำเลยที่ 4 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

ซึ่งชั้นศาลอุทธรณ์ภาค 2 นั้นพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1,2,3,5,6,10,11,12,13,15,16,17 คนละ 4 ปีโดยไม่รอการลงโทษ ฐานร่วมกันทำให้ปรากฏแก่ประชาชนเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนฯ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 (2)(3) ซึ่งเป็นบทหนักที่สุด ขณะที่ชั้นศาลอุทธรณ์ ก็ให้ปรับจำเลยที่ 1,2,3,5,6,10,11,12,13,15 16,17 คนละ 200 บาท ฐานร่วมกันเดินแถวเป็นกระบวนและกระทำในลักษณะกีดขวางการจราจร ตามที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แม้วันนี้จำเลย 10 คนไม่ได้มาฟังคำพิพาษา แต่ศาลได้อ่านคำพิพากษาในส่วนของจำเลยทั้งหมดไปพร้อมกัน โดยมีคำพิพากษาแก้ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 4 ส่วนจำเลยอีก 12 คน ให้จำคุกตามศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์คนละ 4 ปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน