เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 9 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุรชัย ควรเดชะคุปต์ พล.ต.ต.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษณ์ ผบก.น.2 พ.ต.อ.กิตติคุณ พูลสมบัติ รอง ผบก.น.2 พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ ผกก.สส.บก.น.2 พ.ต.ท.นิรันดร ฟักสุบัน พ.ต.ท.กฤติเดช จันทร์เพชร รอง ผกก.สส.บก.น.2

ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายกิตติวัฒน์ ชาญวิมลวัฒน์ อายุ 23 ปี อยู่บ้านเลขที่ 114/1 หมู่ 7 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 874/2560 ลงวันที่ 7 เม.ย. 60 น.ส.จุฑาวดี ศิริสุขสวัสดิ์ อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 3 ต.หนองรี อ.เมือง จ.ชลบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 875/2560 ลงวันที่ 7 เม.ย. 60 นายวีระพล คำแสง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 32 หมู่ 9 ต.ระเว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 876/2560 ลงวันที่ 7 เม.ย. 60 และน.ส.ลลิดา แก้วบุญเรือง อายุ 22 ปี อยู่บ้านเลขที่ 89 หมู่ 7 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 877/2560 ลงวันที่ 7 เม.ย. 60

พร้อมของกลางหลายรายการประกอบ ด้วยหนังสือรับรองวุฒิการศึกษาปลอม 18 แผ่น ภาพถ่ายของผู้ขอทำวุฒิการศึกษาปลอม ตราประทับโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่างๆ ที่ใช้ในการปลอมเอกสารราชการ 19 ตรา สมุดบัญชีธนาคารที่ใช้ในการรับโอนเงินลูกค้า คอมพิวเตอร์ เครื่องพิมพ์ พร้อมอุปกรณ์ส่วนควบต่างๆ ซึ่งใช้ในการปลอมเอกสารราชการ และสำหรับทำไฟล์เอกสารราชการปลอม เครื่องปริ้น ใช้ปริ้นเอกสารราชการปลอมที่ทำขึ้นเอง เครื่องเคลือบเอกสาร กระดาษมันใช้ปริ้นภาพถ่าย ฟิล์มเคลือบบัตร ตราปั๊ม แท่นพิมพ์หมึก และอุปกรณ์สำหรับตัดกระดาษ

โดยสามารถจับกุมนายกิตติวัฒน์ พร้อมน.ส.จุฑาวดี ได้ที่บ้านเลขที่ 303 ม.6 ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ส่วนนายวีระพล และน.ส.ลลิดา สามารถควบคุมตัวได้ภายในบ้านเลขที่ 32 ม.9 ต.ระเว อ.พิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางเจ้าหน้าที่กก.สส.บก.น.2 พบข้อมูลว่ามีแก๊งรับจ้างทำวุฒิการศึกษา และเอกสารราชการปลอมโดยใช้ช่องทางผ่านโลกโซเชียลมีเดีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสถาบันการศึกษา บริษัทห้างร้านต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการกระทำความผิดต่อประชาชนทั่วไป จึงร่วมกันสืบสวนติดตามตัวคนร้ายจนทราบว่าแก๊งผู้ต้องหามีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่ม รวม 4 ราย ซึ่งทั้ง 2 กลุ่มนั้นแม้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่มีรูปแบบคล้ายกัน ก่อนลงพื้นที่ตรวจสอบจนทราบว่าผู้ต้องหามีที่ตั้งสถานที่ใด จนกระทั่งนำไปสู่การขออนุมัติต่อศาลอาญาเพื่อออกหมายจับ พร้อมทั้งขอหมายค้นจากศาลจังหวัดสุรินทร์ และศาลจังหวัดอุบลราชธานีเพื่อตรวจ 10 สถานที่เป้าหมายทั้ง 2 กลุ่ม จนกระทั่งพบตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางดังกล่าว

ผบช.น. กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มแรกคือกลุ่มสุรินทร์ ผู้ต้องหาคือนายกิตติวัฒน์และน.ส.จุฑาวดี และอีกกลุ่มเป็นกลุ่มอุบลราชธานี คือน.ส.ลลิตาและนายวีระพล โดยทั้งสองกลุ่มใช้วิธีการเปิดเพจในเฟซบุ๊กซึ่งทางกลุ่มสุรินทร์ใช้ชื่อว่า “รับทำวุฒิเจ้าเก่า” ทำมานานกว่า 2 ปี ประมาณ 600-700 ครั้ง ซึ่งใช้วิธีการปลอมตรายางสถานศึกษา ส่วนกลุ่มอุบลราชธานีใช้ชื่อเพจ “Paritta” ทำมาเพียงปีกว่า ประมาณ 400-500 ครั้ง โดยวิธีการใช้โปรแกรมโฟโตช็อปตัดต่อภาพ ทั้งนี้ทั้งสองกลุ่มจะปลอมวุฒิบัตรเพียงแค่บริษัทเอกชน เนื่องจากไม่มีการตรวจสอบวุฒิการศึกษา ส่วนสถานที่ราชการไม่รับทำเพราะมีการตรวจสอบประวัติย้อนหลังและเข้มงวด

พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า สำหรับโทษการปลอมแปลงวุฒิบัตรนั้น ทั้งผู้รับทำและผู้ว่าจ้างถือมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 มีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับ 1,000-10,000 บาท อยากฝากเตือนไปยังบริษัทเอกชนสำหรับการตรวจสอบบุคคลที่เข้ามาสมัครงาน ให้ช่วยตรวจสอบวุฒิการศึกษาให้แน่ชัด หากมีความเข้มงวดก็จะสามารถตัดวงโคจรของผู้ที่กระทำผิดทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับทำ ซึ่งหลังจากนี้ทางเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบรายชื่อลูกค้าทั้งหมดอย่างละเอียดอีกครั้ง เพราะลูกค้าก็มีความผิดเสมือนเป็นตัวการณ์ผู้ก่อเหตุด้วย

ด้านนายกิตติวัฒน์ รับสารภาพว่า โดยปกติตนจะปลอมแปลงวุฒิการศึกษาของกศน. ในระดับชั้นม.3 และ ม.6 ซึ่งบ่อยที่สุด และนานๆครั้งจะทำในระดับปริญญาตรี ซึ่งราคาแตกต่างกันออกไปตามระดับชั้นการศึกษาเริ่มตั้งแต่ 3,500 ไปจนถึง 9,800 บาท ส่วนผู้ว่าจ้างนั้นมีจำนวนมากแต่จะเลือกร้านที่ถูกที่สุด ซึ่งในหนึ่งเดือนร้านตนปลอมวุฒิการศึกษาประมาณ 10-20 ครั้ง ทั้งนี้ที่ตั้งชื่อร้าน “ทำวุฒิเจ้าเก่า” เพื่อเป็นการดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและจ้างทำ นอกจากนี้ ก่อนที่จะปลอมแปลงให้กับลูกค้าตนจะแจ้งให้ทราบก่อนว่าอาจถูกจับได้ อยากฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนให้ตั้งใจเรียนจะได้ไม่ต้องมาปลอมวุฒิการศึกษาและจะได้มีการงานที่ดีและมั่นคง

ส่วนน.ส.จุฑาวดี เปิดเผยว่า ตนรับทำวุฒิการศึกษาปลอมโดยเปิดเฟซบุ๊กชื่อว่า “Parita” ซึ่งทำมาปีกว่าๆ ส่วนการเรียนรู้เริ่มจากศึกษาวิธีการจากเพจอื่นๆ ที่เปิดมาก่อนหน้านี้ ซึ่งจะมีข้อมูลของสถาบันการศึกษาชื่อดังต่างๆ จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา ร่วมกันปลอมเอกสารราชการ ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมทั้งติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญให้น.ส.ลลิตา สาธิตการปลอมแปลงเอกสารเพื่อเปิดเผยให้เห็นวิธีการปลอมวุฒิการศึกษา โดยใช้เพียงเครื่องคอมพิวเตอร์ในการคำนวณคะแนนเกรดรายวิชาเพื่อออกใบรับรอง โดยสามารถระบุเกรดคะแนนเฉลี่ยที่จบมาได้ในทันที ซึ่งระยะในการทำให้สำเร็จจะใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน