เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ราชกิจจานุเบกษาฉบัย 5 เมษายน 2560 เกี่ยวกับประกาศกรมการขนส่งทางบก เรื่อง การจัดวางที่นั่งรถตู้โดยสารสาธารณะตามมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ พ.ศ.2560 เพื่อดำเนินการตามมาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ เกี่ยวกับการจัดวางที่นั่งสำหรับรถตู้โดยสารให้มีทางออกไปยังประตูฉุกเฉินเมื่อมีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 (2) และ (3) ของคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 15/2560

เรื่อง มาตรการเพิ่มความปลอดภัยในรถโดยสารสาธารณะ ลงวันที่ 21 มีนาคม 2560 และข้อ 1 (2) (ก) และ (ฎ) ของกฎกระทรวง ฉบับที่ 9 (พ.ศ.2524) ออกตามความในพระราชบัญญัติ การขนส่งทางบก พ.ศ.2522 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 60 (พ.ศ.2552) ออกตามความในพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ.2522 อธิบดีกรมการขนส่งทางบกออกประกาศไว้

รายละเอียดของประกาศดังกล่าวระบุว่า 1.ให้ยกเลิกระเบียบ ประกาศหรือคำสั่งอื่นใดมาใช้ประกาศฉบับนี้แทน 2.คำว่า “รถ” หมายความว่า รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสาร มาตรฐาน 2 (จ) ที่มีลักษณะเป็นรถตู้โดยสาร ในประเภทการขนส่งประจำทางและไม่ประจำทาง 3.การจัดวางที่นั่งผู้โดยสารของรถที่จดทะเบียนใหม่ ให้จัดวางได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง โดยที่นั่งแถวหลังสุดต้องมีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ 4.รถที่จดทะเบียนไว้แล้วก่อนวันที่ประกาศนี้มีผลใช้บังคับ ที่มีที่นั่งผู้โดยสารเกิน 13 ที่นั่ง ให้จัดวางที่นั่งผู้โดยสารได้ไม่เกิน 13 ที่นั่ง โดยต้องจัดวางที่นั่งให้เป็นไปตามเงื่อนไข ดังนี้

(1) กรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งคู่ ให้ถอดที่นั่งคู่ด้านซ้ายออก โดยจะนำที่นั่งเดี่ยวมาติดด้านซ้ายสุดอีก 1 ที่นั่ง หรือไม่ก็ได้ แต่ต้องมีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ

(2) กรณีที่นั่งแถวหลังสุดเป็นที่นั่งไม่เกิน 3 ที่นั่ง หรือที่นั่งเกินกว่า 3 ที่นั่ง ให้ปรับปรุงการจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดิน ขนาดความกว้างไม่น้อยกว่า 20 เซนติเมตร เพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ

ส่วนกรณีที่รถมีที่นั่งไม่เกิน 13 ที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่มีช่องทางเดินเพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุ ให้ปรับปรุงการจัดวางที่นั่งแถวหลังสุดให้มีช่องทางเดินเช่นเดียวกับรถตามวรรคหนึ่งด้วย

5.ภายใต้บังคับข้อ 3 และข้อ 4 รถที่มีประตูทางขึ้นลงที่ด้านซ้ายและด้านขวาของห้องผู้โดยสาร และผู้โดยสารสามารถเปิดประตูเพื่อออกจากรถได้ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา ให้ถือว่าประตูทางขึ้นลงที่ด้านขวาเป็นประตูที่ใช้เป็นทางออกฉุกเฉิน โดยจะมีช่องทางเดินเพื่อให้ผู้โดยสารใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้าย และเปิดออกจากตัวรถได้ในกรณีที่มีเหตุจำเป็นหรือเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ก็ได้

6.การจัดวางที่นั่งให้เป็นไปตามประกาศนี้ ที่นั่งต้องติดตรึงกับตัวรถอย่างมั่นคงแข็งแรงและมีความปลอดภัยในการใช้งาน

7.ประตูที่ใช้เป็นทางออกฉุกเฉินด้านท้ายของรถ ต้องมีข้อความว่า “ทางออกฉุกเฉิน” เป็นตัวอักษรภาษาไทยสีแดงสะท้อนแสงมีความสูงไม่น้อยกว่า 5 เซนติเมตร ติดอยู่เหนือบริเวณที่เปิดปิดประตู หรือบริเวณขอบประตูด้านบนทางออกฉุกเฉินให้สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน

8.การจัดวางที่นั่งอาจจัดวางที่นั่งตามตัวอย่างแนบท้ายประกาศนี้ หรือจะจัดวางที่นั่งแตกต่างไปจากตัวอย่างแนบท้ายประกาศนี้ก็ได้ แต่ต้องมีช่องทางเดินตามที่กำหนดไว้ในข้อ 3 หรือข้อ4

9.รถที่ดำเนินการตามข้อ 4 หรือข้อ 5 แล้ว ผู้ได้รับใบอนุญาตประกอบการขนส่งหรือเจ้าของรถต้องนำรถเข้ารับการตรวจสภาพและแก้ไขรายการทางทะเบียน ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานขนส่งจังหวัด หรือสำนักงานขนส่งจังหวัดสาขา ที่รถนั้นอยู่ในความรับผิดชอบ ภายในกำหนดระยะเวลา ดังนี้

(1) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งประจำทาง ในเส้นทางหมวด 2 และ 3 ภายในวันที่ 5 มิ.ย.2560

(2) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งประจำทาง ในเส้นทางหมวด 1 และ 4 ภายในวันที่ 5 ก.ค.2560

(3) รถที่ใช้ในการขนส่งผู้โดยสารประเภทการขนส่งไม่ประจำทาง ภายในวันที่ 5 ส.ค.2560

10.ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน