เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 11 เม.ย. พ.ต.ท.อธิพัชร์ ยิ่งศิริธนนนท์ สวป.สน.หัวหมาก รับแจ้งเหตุคนร้ายชิงทรัพย์รถแท็กซี่ บริเวณสี่แยกลำสาลี ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ก่อนทราบภายหลังว่า ตัวผู้ก่อเหตุขับรถของกลางหนีไปหลบซ่อนตัวภายในอาคารพาณิชย์ ภายในซอยรามคำแหง 58/3 จึงประสานให้พ.ต.ท.พิพัฒน์ เต็งถาวร รอง ผกก.สส.สน.หัวหมาก พร้อมด้วย พ.ต.ต.สุทิน พัฒนา สว.สส.สน.หัวหมาก ฝ่ายสืบสวนสน.หัวหมาก และเจ้าหน้าที่สายตรวจสน.หัวหมาก นำกำลังรุดเข้าตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุภายในซอยดังกล่าวพบรถแท็กซี่ ยี่ห้อโตโยต้า อัลติส สีเขียว หมายเลขทะเบียน ทษ9284 กรุงเทพมหานคร ของสหกรณ์แท็กซี่สุวรรณภูมิ จอดอยู่หน้าอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้น ตั้งอยู่เลขที่ 90 โดยมีร่องรอยถูกคมกระสุนปืนยิงเข้าที่บังโคลนหลังด้านขวา 1 นัด และยางล้อหลังด้านขวาจนแตก ส่วนคนร้ายขึ้นไปแอบอยู่ในห้องบริเวณชั้นที่ 2 เจ้าหน้าที่ต้องทำการปิดล้อมอาคารพร้อมทั้งพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อมให้คนร้ายเข้ามอบตัวโดยใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง จนสามารถเข้าจับกุมได้ ก่อนนำตัวมาสอบสวนที่สน.หัวหมาก

สอบสวนนายวันชัย สุทธิประภา อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 61 ม.8 ต.เมืองบัว อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด โชเฟอร์แท็กซี่ เล่าเหตุการณ์ระทึกว่า ก่อนเกิดเหตุตนรับผู้โดยสารมาจากถนนบางนา-ตราด ช่วงคลองขุดบางพลี (ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ) จ.สมุทรปราการ เพื่อมุ่งหน้าไปส่งที่แยกลำสาลี ระหว่างที่ตนขับมาถึงถนนศรีนครินทร์ ฝั่งขาเข้า ผู้โดยสารที่นั่งอยู่เบาะหน้าข้างกันแสดงท่าทางมีพิรุธอยู่ตลอดเวลา เมื่อขับมาจอดติดไฟแดงช่วงแยกลำสาลี ผู้โดยสารกลับแสดงตัวเป็นคนร้ายจู่ๆหยิบอาวุธมีดออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตนเห็นท่าทางไม่ดีจึงตัดสินใจรีบวิ่งลงจากรถ ก่อนไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ภายในป้อมจราจรซึ่งอยู่ใกล้กัน

ระหว่างนั้นคนร้ายเปลี่ยนมาเป็นคนขับ เพื่อหวังหลบหนีก่อนมาถูกทางเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนประจำกาย ยิงเข้าที่ล้อหลังด้านขวาจนแตกรวม 3 นัด เพื่อหวังสกัดจับ แต่คนร้ายไม่ยอมหยุดกลับขับรถหลบหนีไปอีกซักระยะ จนไปชนเข้ากับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งกำลังไปส่งผู้โดยสารจนรถล้มลง และได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยทั้งคู่

ขณะนั้นมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อมาสด้า รุ่นบีที สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขธ1336 กรุงเทพมหานคร ขับมาประชิดอยู่ด้านหลัง รถแท็กซี่ซึ่งเห็นท่าไม่ดีพยายามขับแซงเพื่อให้รถคันก่อเหตุจอด เพื่อแสดงความรับผิดชอบ แต่คนร้ายกลับถอยหลังมาชนและหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนมาทราบภายหลังว่าคนขับรถกระบะขับตามมาจนถึงอาคารที่คนร้ายขึ้นไปหลบซ่อนตัว

ด้านนายกฤษพิทักษ์ ศิระธนภัทรจินดา อายุ 35 ปี ชาวชุมพร หนุ่มพลเมืองดี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนขับรถกระบะมาจากจ.สมุทรปราการ เพื่อมุ่งหน้าไปร้านอาหารของแฟนสาวย่านบางกระปิ เมื่อขับมาถึงช่วงบริเวณปากซอยรามคำแหง 58/3 ตนเห็นรถแท็กซี่ชนรถจักรยานยนต์รับจ้างจนล้มลง ซึ่งขณะนั้นยังมีผู้โดยสารอยู่ด้วย ตนเพียงแค่หวังขับแซงเพื่อให้คนขับแสดงความรับผิดชอบแต่คนร้ายกลับขับถอยหลังมาชนรถตน เพื่อเปิดทางแล้วหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงขับตามคนร้ายไปเรื่อยๆ จนถึงช่วงกลางซอยรามคำแหง 58/3 คนร้ายแกล้งเบรคกะทันหัน จนรถตนชนท้ายอีกครั้ง ก่อนหนีขับไปจอดที่หน้าอาคารดังกล่าว เมื่อตนขับตามมาติดๆคนร้ายลงจากรถก่อนทำท่าชักอาวุธออกมาจากกระเป๋าสะพาย ตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งหนีลงจากรถ เพื่อเอาชีวิตรอดก่อนทางเจ้าหน้าที่จะตามมาปิดล้อมจนสามารถจับกุมคนร้ายได้ดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า ต่อมาเวลา 18.30 น. ทางเจ้าหน้าที่สามารถเข้าจับกุมตัวคนร้ายได้ภายหลังจากขึ้นไปหลบหนีซ่อนตัวบริเวณชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ดังกล่าว ทราบชื่อต่อมาคือนายหร้อหนุด หละเทียม อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 589/1 ม.1 ต.ปากพะยูน อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง

สอบสวนจนผู้ต้องหา รับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยใช้อาวุธปืนก่อเหตุยิงคู่อริจนเสียชีวิต จึงตัดสินใจเดินทางมาจากจังหวัดพัทลุง เพื่อมาหลบหนีอยู่กับเพื่อนที่กทม. ซึ่งในครั้งนี้ไม่ได้มีเจตนาชิงทรัพย์เพียงแค่ต้องการขับรถหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่านั้น

ทั้งนี้ ทางพนักงานสอบสวน สน.หัวหมาก ดำเนินคดีในข้อหาชิงทรัพย์ ก่อนประสานให้ทางสถานีตำรวจภูธรกงหรา จ.พัทลุง มาอายัดตัวผู้ต้องหาเพื่อนำไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบประวัติอาชญากรของผู้ต้องหาพบว่ามีหมายจับศาลจังหวัดพัทลุง เลขที่ 90/2560 พื้นที่รับผิดชอบสถานีตำรวจภูธร กงหรา จ.พัทลุง ในข้อหาฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนา และข้อหามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ภายหลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงนายณัฐชัย หรือโอม มาสวัสดิ์ อายุ 20 ปี จนถึงแก่ความตายเหตุเกิดเมื่อ 17 มี.ค. ที่ผ่านมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน