เปิดคำสารภาพไอ้เอ็ม ฆ่าเลือดเย็นแม่ชีไฮโซ รับกุเรื่องมีทีมฆ่า หนีหัวซุกหัวซุน
จากกรณีพบศพ น.ส.วรรณี จิระเจริญยิ่ง อายุ 58 ปี เศรษฐินีนักปฏิบัติธรรม ถูกฆ่าศพยัดตู้เย็นแล้วโบกปูน สภาพถูกมัดมือมัดขาในท่านั่งคุกเข่า ภายในตึกแถวเลขที่ 90/3 หมู่ 3 ต.บ้านหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ พบศพเมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 สัปดาห์ ต่อมาสามารถจับตัว นายวิฑูรย์ ศรีตะบุตร์ หรือเอ็ม อายุ 39 ปี คนขับรถตู้ ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายเอ็ม ได้ที่ จ.นครสวรรค์ ก่อนควบคุมตัวมาที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ และสอบปากคำตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา ในการสอบปากคำตอนแรกนายเอ็มให้การปฏิเสธ อ้างว่ามีขบวนการก่อเหตุด้วยกันตามที่เคยเป็นข่าว แต่ต่อมาได้จำนนต่อหลักฐานทั้งหมดที่ทางตำรวจมีอยู่ นายเอ็มจึงได้รับสารภาพว่าลงมือทำคนเดียว ส่วนที่ว่ามีผู้ร่วมลงมือเป็นการกุเรื่องขึ้นมาเอง ส่วนสาเหตุที่ทำไปเพราะอยากได้เงินของผู้ตาย
นายเอ็ม ยังรับสารภาพว่า หลังก่อเหตุได้พาน้องน้ำ กิ๊กสาวและเพื่อนนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ เช่ารถไปเที่ยวระยอง ก่อนส่งกิ๊กและเพื่อนขึ้นเครื่องกลับเชียงใหม่ ส่วนตนเองไปเช่าคอนโดในกรุงเทพฯ กบดาน โดยใช้เงินไปแสนกว่าบาท หลังจากเจ้าหน้าที่พบศพผู้ตายและตกเป็นข่าว ก็หลบหนีไปที่นครปฐม ซื้อรถจักรยานยนต์ ใช้เงินอีก 2 แสน และอุปกรณ์ยังชีพทั้งเต็นท์ พาวเวอร์แบงก์แบบชาร์ตด้วยแสงอาทิตย์ แผนที่
พร้อมหอบเงินสดที่กดจากตู้เอทีเอ็มไว้วันละ 1.4 แสนบาท หลบหนีไปตามเส้นทางสายรอง แต่พลาดที่สุดคือไปซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่แล้วถูกถ่ายภาพ และต้องใช้หลักฐานแสดงตัวในการซื้อ ทำให้ตำรวจเริ่มแกะรอยได้ ประกอบกับสัญญาณโทรศัพท์ที่ตนเองเปิดใช้บางช่วง กระทั่งมาถูกจับกุม
ส่วนขั้นตอนการฆ่าโหด นายเอ็มระบุว่า ได้เข้าบ้านที่เกิดเหตุทางประตูด้านหลัง ตอนแรกต้องการเข้าไปชิงทรัพย์ โดยบังคับเอารหัสบัตรเอทีเอ็ม จากนั้นทำร้ายร่างกายเหยื่อจนสลบและมัดเอาไว้ ก่อนจะออกไปกดเงินและได้เงินมาจริงๆ ตอนนั้นยังไม่เสียชีวิต แต่สลบไม่รู้ตัว กลับมาอีกครั้งยังมัดเอาไว้ จากนั้นเมื่อเสียชีวิตก็ไปซื้อของมาอำพรางศพ และเข้าเชียงใหม่ จากนั้นก็ตระเวนกดเงินสดไปเรื่อยๆ
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวนายเอ็มมาพบกับญาติผู้ตาย โดยนายเอ็ม ได้ไหว้ขอโทษ และระบุว่าอยากขอโทษ แต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ ตนเองเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
