จับอดีตพนง.รร. ฉกข้อมูลบัตรเครดิต สั่งซื้อไอโฟน-ทองคำ ลูกค้าสูญเกือบ5แสน

ฉกข้อมูลบัตรเครดิต / ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บชน., พ.ต.อ.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์, พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์ รองผบก.สส.

สั่งการให้ พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส. 2 บก.สส.บช.น. พร้อมประสานงานนายปราโมทย์ ลลิตกิตติ ประธานชมรมป้องกันทุจริตบัตรเครดิต ภายใต้สมาคมธนาคารไทย และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ตรวจสอบกรณีได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผู้ถือบัตรเครดิตจำนวนหลายรายว่าถูกคนร้ายได้นำข้อมูลบัตรเครดิตไปซื้อสินค้าทางออนไลน์ เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย

ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย ผกก.สส.2 บก.สส.บช.น พร้อม พ.ต.ท.ยิ่งยง มีคุณ พ.ต.ท.อัครพล มณีวรรณ รองผกก. พร้อมชุดสืบสวน กก.2บก.สส.บช.น. ร่วมกันจับกุมตัวจับกุมนายจิรัฏฐ์ ศิริวัฒนกุล อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้

ความผิดฐานฉ้อโกงโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน โดยจับกุมตัวได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ใน จ.เชียงใหม่

พ.ต.อ.พรศักดิ์เปิดเผยว่า สำหรับพฤติการณ์การก่อเหตุ คือผู้ต้องหา เคยประกอบอาชีพเป็นพนักงานของโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และเพชรบุรี ในฝ่ายต้อนรับลูกค้าตำแหน่งระดับหัวหน้างาน มีหน้าที่ต้อนรับลูกค้าและทำการรับจองการสำรองห้องพักของลูกค้า ทั้งการจองผ่านเว็บไซต์ของโรงแรม และที่เคาน์เตอร์โรงแรมโดยตรง รวมทั้งจองผ่านเว็บไซต์ของตัวแทนการจองห้องพักเช่น www.booking.com

ซึ่งโรงแรมได้ให้สิทธิ์ในการล็อกอินเข้าระบบ และนายจิรัฏฐ์ยังสามารถนำมือถือของตนเองเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อเว็บไซต์ของโรงแรม จึงทำให้สามารถเข้าระบบได้ทั้งในและนอกสถานที่ สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ที่จะต้องมีการบันทึกลงในระบบข้อมูลการสำรองห้องพักของโรงแรมนั้นๆ เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน หรือพาสสปอร์ต วันเดือนปีเกิด หมายเลขมือถือ ที่สำคัญคือเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุบัตร รหัสหลังบัตร (CV) ที่จะต้องนำมาใช้ในการชำระและยืนยันการสำรองห้องพัก

จากนั้นนายจิรัฏฐ์จะลักลอบเอาข้อมูลโดยวิธีใช้มือถือถ่ายภาพหน้าจอระบบข้อมูล หรือจดบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลต่างๆ ออกมา แล้วจะนำชุดข้อมูลหมายเลขบัตรเครดิตดังกล่าวไปทำการสั่งซื้อสินค้า จำพวกโทรศัพท์มือถือราคาแพงและทองคำแท่งผ่านร้านค้าทางออนไลน์ โดยจะโทรศัพท์ไปที่คอลเซ็นเตอร์ของธนาคารผู้ออกบัตรเครดิตนั้นๆ เพื่อสวมรอยเป็นลูกค้าเจ้าของบัตรเครดิต แจ้งเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการติดต่อ เพื่อที่นายจิรัฏฐ์จะสามารถใช้มือถือของตนเองรับรหัสรักษาความปลอดภัย(OTP)ได้ เมื่อทำการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

เมื่อนายจิรัฏฐ์สามารถทำการเปลี่ยนแปลงเบอร์โทร.ที่ใช้ติดต่อของบัตรเครดิตนั้นๆ ได้แล้ว ก็จะสั่งซื้อสินค้าทางออนไลน์โดยในคดีนี้นายจิรัฏฐ์ สั่งซื้อสินค้าหรือบริการออนไลน์คือโทรศัพท์มือถือไอโฟนจำนวน 5 เครื่องและทองคำแท่งน้ำหนัก 1 บาทและ 2 บาท และบริการอื่นๆ รวมราคาทั้งหมด 489,569 บาท เมื่อทำการสั่งซื้อสำเร็จนายจิรัฏฐ์จะระบุที่อยู่ในการจัดส่งสินค้าเป็นโรงแรมต่างๆ ในเขตกรุงเทพมหานคร โดยนายจิรัฏฐ์จะจองห้องพักไว้สำหรับรับสินค้าที่ได้จากการทำทุจริต (โดยใช้ชื่อบุคคลอื่น) ในรับการของ

พ.ต.อ.พรศักดิ์เปิดเผยต่ออีกว่า ทั้งนี้นายจิรัฏฐ์จะใช้ชุดเลขบัตรเครดิตของบุคคลอื่น ยืนยันการชำระเงินค่าจองห้องพักอีกเช่นกัน และนายจิรัฏฐ์จะสวมรอยอ้างตนเป็นนายศุภกร แก้วมณี เนื่องจากมีบัตรประชาชนตัวจริงของนายศุภกร ที่เก็บได้หลังนายศุภกร เคยเข้ามาใช้บริการที่โรงแรมและทำบัตรประชาชนสูญหาย จึงสวมรอยไว้สำหรับรับสินค้าที่เกิดจากการทำทุจริต ซึ่งนายศุภกรได้แจ้งความไว้แล้วที่สน.พญาไท อีกส่วนหนึ่ง ที่เราจะแจ้งข้อหาคือ เอาไปเสียซึ่งเอกสารในประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นหรือประชาชนเสียหาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้นายจิรัฏฐ์ พาไปตรวจค้นห้องพักพบบัตรประจำตัวประชาชนตัวจริงของนายศุภกร และบัตรประชาชนของบุคคลอื่น รวมทั้งโทรศัพท์มือถือสมาร์ตโฟนที่มีการเก็บข้อมูลบุคคลหรือลูกค้าที่ใช้บริการโรงแรม มีภาพถ่ายจากหน้าจอระบบการสำรองห้องพักโรงแรมของบุคคลต่างๆ ที่ระบุข้อมูลบัตรเครดิตของผู้อื่นกว่า 50 รายการ (ทั้งบัตรเครดิตไทยและต่างชาติ) และข้อมูลชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวประชาชน พาสปอร์ต วันเดือนปีเกิด หมายเลขโทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อ รวมทั้งซองบรรจุซิมการ์ดโทรศัพท์หลายเลขหมายที่ใช้งานแล้ว จึงตรวจยึดไว้เพื่อประกอบการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดี

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่านายจิรัฏฐ์ยังมีหมายจับของศาลอาญาที่ จ.1508/2562 ลงวันที่ 3 ต.ค. 62 ในข้อหาร่วมกันรับของโจร ในเขตพื้นที่รับผิดชอบของสน.บางซื่อ

พ.ต.อ.พรศักดิ์เปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับคนร้ายเป็นบุคคลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ก่อเหตุกับลูกค้าบัตรเครดิตทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่ใช้บัตรเครดิตในการจองห้องพักของโรงแรมที่เข้ามาท่องเที่ยวในเมืองไทย สร้างความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังร้านค้า ห้างร้าน โดยเฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจห้องพักโรงแรม รีสอร์ตตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้เคร่งครัดในมาตรการป้องกันข้อมูลทั่วไปทั้งข้อมูลบุคคลและข้อมูลบัตรเครดิต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน