เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ห้องพิจารณา 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์ อาบอบนวด “นาตารี” คม.67/2559 ที่พนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 2 เป็นโจทก์ฟ้อง นายพงษ์อนัน หรือบอล คณะเขตต์, นายสมประสงค์ หรือจี สร้อยจิต, นายภานรินทร์ หาญพัฒนาเจริญ, นายอะตาผะ แลแม, นายลาภชูลาภ เงินเต็มเปี่ยม และบริษัท พี.เอส.เอส. เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยนายสมประสงค์ สร้อยจิต กรรมการผู้จัดการ เป็นจำเลยที่ 1-6 ฐานร่วมกันค้ามนุษย์ฯ ซึ่งจำเลยทั้งหมดเป็นผู้ร่วมกันจัดให้มีการค้าประเวณี โดยมีหน้าที่ต่างกันสถานบริการอาบอบนวด นาตารี จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 10 เมษายน- 7 มิถุนายน 2559 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยที่ 1-5 และจำเลยที่ 6 ที่เป็นนิติบุคคลตามกฎหมาย กับพวกอีก 7 คนที่ยังหลบหนี ได้สมคบกันค้ามนุษย์โดยวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำเพื่อเป็นธุระจัดหารับไว้ซึ่งเด็กหญิงอายุ กว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี

ซึ่งเป็นชาวต่างด้าว 8 ราย เพื่อค้าประเวณีที่สถานอาบอบนวด นาตารี โดย นาตารี เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ย่านห้วยขวาง ที่เปิดขึ้นเป็นสถานอาบอบนวด และค้าประเวณี, ร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์เพื่อแสวงหาประโยชน์ โดยมิชอบจากการค้าประเวณี และเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น, ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารโดยการค้าประเวณี บริการทางเพศ, ร่วมกันเป็นผู้ดูแล หรือผู้จัดการการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุมผู้กระทำการค้าประเวณีในสถานบริการ, ร่วมกันซ่อนเร้นบุคคลต่างด้าวโดยให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆ

โดยร่วมกันรับบุคคลต่างด้าวเข้าทำงานขายบริการทางเพศถ่ายภาพเปลือยหน้าอก น.ส.แก้ม ผู้เสียหายที่ 10 และ ครอบครองภาพเปลือยหน้าอกอันเป็นสื่อลามก อนาจารเด็กไว้เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยได้เข้าจับกุมและส่งตัวดำเนินคดีตามกฎหมาย

เหตุเกิดที่แขวงดินแดง เขตดินแดง กทม. ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ.2551 มาตรา 4, 6, 9, 10, 52 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 มาตรา 4, 9, 11 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282, 283 ทวิ, 287/1 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 64 พ.ร.บ.การทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 27, 54 พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 มาตรา 3, 4, 26 พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 45, 50, 144, 146 พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 มาตรา 26, 78

โดยวันนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายพงษ์อนัน, นายสมประสงค์, นายภานรินทร์, นายอะตาผะ จำเลยที่ 1-4 มาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่วนนายลาภชูลาภ จำเลยที่ 5 ซึ่งได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดี ก็ได้เดินทางมาฟังคำพิพากษาเช่นกัน นอกจากนี้ยังมีทนายความและบุคคลใกล้ชิดจำนวนหนึ่งมารอฟังคำพิพากษาด้วย

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การสารภาพว่ากระทำความผิดจริงตามฟ้อง จึงพิพากษาว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานสมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป แล้วกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี จำคุกจำเลยที่ 1-5 คนละ 4 ปี ปรับเงินจำเลยที่ 6 จำนวน 100,000 บาท

ฐานร่วมกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี ,ฐานเป็นธุระจัดหาซึ่งบุคคลเพื่อใช้ค้าประเวณี แม้จะยินยอมก็ตาม, ฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหาล่อไปเพื่อค้าประเวณี แม้จะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, ฐานเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา พาไปเพื่อการอนาจาร ซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี เป็นความผิดกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานร่วมกันตั้งแต่ 3 คน ขึ้นไป กระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ซึ่งได้กระทำแก่บุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ไม่ถึง 18 ปี

จำคุกจำเลยที่ 1-5 คนละ 10 ปี และปรับเงินจำเลยที่ 6 จำนวน 1,200,000 บาท, ฐานร่วมกันพาบุคคลอายุเกิน 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม จำคุกจำเลยที่ 1-5 คนละ 3 ปี ปรับเงินจำเลยที่ 6 จำนวน 10,000 บาท ฐานร่วมกันเป็นผู้ดูแล ผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี หรือเป็นผู้ควบคุม ผู้ทำการค้าประเวณี ในสถานการค้าประเวณี ที่มีบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี, ฐานร่วมกันใช้หรือลงความเห็นยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร และกระทำการประการใดอันเป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบจากเด็ก เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทหนักสุดฐานร่วมกันเป็นผู้ดูแล ผู้จัดการกิจการค้าประเวณี หรือสถานการค้าประเวณี ซึ่งมีบุคคลอายุกว่า 15 ปี แต่ยังไม่เกิน 18 ปี ทำการค้าประเวณี

จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 6 ปี ฐานร่วมกันให้ที่พักอาศัย ซ่อนเร้น เพื่อให้บุคคลต่างด้าวพ้นจากการจับกุม จำคุกจำเลยที่ 1 และ จำเลยที่ 2 คนละ 1 ปี ฐานร่วมกันนำคนต่างด้าวซึ่งมีใบอนุญาตทำงานผิดประเภท ปรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 10,000 บาท ฐานร่วมกันเปิดสถานบริการอาบอบนวดโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 6 ปี ฐานร่วมกันจ้างบุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี เป็นลูกจ้างโดยไม่แจ้งการจ้างต่อพนักงานแรงงานภายใน 15 วัน ปรับจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 20,000 บาท ฐานร่วมกันเป็นนายจ้างให้ลูกจ้างซึ่งเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ทำงานในสถานบริการตามกฎหมาย จำคุกจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 คนละ 6 เดือน และฐานครอบครองสิ่งลามกอนาจารเด็ก เพื่อประโยชน์ในทางเพศแก่ตนเองหรือผู้อื่น จำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 1 ปี

รวมจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 25 ปี 12 เดือน ปรับ 30,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 24 ปี 12 เดือน ปรับ 30,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 3-5 คนละ 17 ปี และปรับจำเลยที่ 6 รวม 1,310,000 บาท

ทั้งนี้จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 11 ปี 24 เดือน ปรับ 15,000 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 2 เป็นเวลา 11 ปี 18 เดือน ปรับ 15,000 บาท คงจำคุกจำเลยที่ 3-5 คนละ 8 ปี 6 เดือน และปรับจำเลยที่ 6 รวม 655,000 บาท

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน