เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 เม.ย. ที่สน.ดุสิต นายบุญสิน หยกทิพย์ อายุ 52 ปี ฝ่ายประสานงานชมรมธรรมาธิปไตยแห่งชาติ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ชัยชน เรืองเพชร รอง สารวัตร (สอบสวน) สน.ดุสิต เพื่อขอลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และให้ช่วยติดตามหมุดคณะราษฎร สัญลักษณ์เหตุการณ์อภิวัฒน์สยาม 2475 ที่อยู่บริเวณลานหน้าพระบรมรูปทรงม้า เขตพระราชวังดุสิต ถนนอู่ทองใน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ที่หายไปคืนมา
นายบุญสิน เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวันให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามหาหมุดดังกล่าว ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญที่บอกว่าประเทศไทยก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย เดิมทีตนตั้งใจจะไปขุดหมุดออกมาเก็บไว้ แต่มีคนขุดไปเสียก่อน
ทั้งนี้ ตนมั่นใจว่าตนจะต้องโดนเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวอย่างแน่นอน เนื่องจากตนตั้งใจว่าหลังจากเข้าแจ้งความเสร็จ ก็จะถือป้าย ใช้เครื่องขยายเสียงเดินเท้า ตลอดเส้นทางไปยังลานพระบรมรูปทรงม้า ตนต้องการให้ทหารหรือตำรวจมาควบคุมตัว เพราะต้องการเข้าไปปรับทัศนคติให้กับบุคคลเหล่านั้นได้เข้าใจเสียใหม่ ในเรื่องของระบอบประชาธิปไตยและรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญไม่ใช่กฎหมายสูงสุด รัฐธรรมนูญคือกฎหมายที่เกิดจากระบอบ ต้นเหตุความขัดแย้งเกิดจากหมุดตัวนี้ หมุดเป็นหลักฐานที่บ่งบอกว่า ประเทศไทยก่อกำเนิดรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่กำเนิดประชาธิปไตย จึงมาแจ้งความเพื่อให้ติดตามหลักฐานอันนี้คืนมา และเมื่อได้คืนมาแล้วขอให้นำไปเก็บรักษา ไม่ใช่นำไปวางไว้กับพื้นให้รถเหยียบไปมาเหมือนเดิม
ต่อมาเวลา 12.30 น. พล.ต.ต.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นพศิลป์ พลูสวัสดิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. เดินทางมาร่วมสอบปากคำนายบุญสินด้วยตนเอง ใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 2 ชั่วโมง จึงแล้วเสร็จ
หลังทำการสอบสวนเสร็จทางเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานทหารมารับตัวนายบุญสิน และนายสันติพงษ์ วินุราช อายุ 35 ปี เพื่อน ที่มาด้วย ไปปรับทัศนคติที่ มทบ.11 โดยนำตัวออกทางประตูด้านหลังของสน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาขึ้นรถ นายบุญสินมีสีหน้าเรียบเฉยและทักทายผู้สื่อข่าวพร้อมพูดเพียงสั้นๆ ว่า “ทางเจ้าหน้าที่ใจดี ช่วยพาขึ้นรถไปไม่ต้องเดินไป เพราะมันร้อน” อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญสิน หยกทิพย์ เป็นผู้ที่เคยปีนขึ้นไปบนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเผาพานรัฐธรรมนูญจนได้รับความเสียหาย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2549 โดยศาลจำคุกให้รอลงอาญา เป็นเวลา 2 ปี
