วันที่ 21 เม.ย. หลังมีกระแสข่าวชาวบ้านเดินทางมาตักน้ำในบ่อน้ำประหลาดที่มีดำว่าสามารถนำไปรักษาโรคผิวหนังได้ โดยชาวบ้านต่างถิ่น ได้แห่มาดูและตักน้ำไปทดลองทาตัว เพื่อรักษาโรคผื่นคันจนชาวบ้านบางคนยืนยันว่าได้ผล เมื่อไปตรวจสอบยังสถานที่ดังกล่าว พบชาวบ้านจำนวนมากทั้งในพื้นที่ จ.นราธิวาส และใกล้เคียง รวมถึงประชาชนจากประเทศมาเลเซีย จำนวนกว่าพันคน แห่เดินทางมาดู และนำภาชนะติดตัวลงไปตักน้ำในบ่อประหลาดที่มีลักษณะน้ำเป็นสีดำสนิทคล้ายกับน้ำต้มปลาหมึก มีกลิ่นฉุนกำมะถันอบอวลค่อนข้างแรงและมีน้ำผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งอยู่ริมถนนสายศรีสาคร–จะนะ ในพื้นที่บ้านไอกาแซร์ ม.6 ต.ศรีสาคร จ.นราธิวาส โดยห่างจากริมถนนเพียง 10 เมตร

บ่อน้ำดังกล่าวมีขนาดกว้างประมาณ 2.5 เมตร ยาว 4 เมตร และห่างกันเล็กน้อยพบมีอีก 1 บ่อ กว้างเพียง 1 เมตร และยาวเพียง 2 เมตร ตั้งอยู่ภายในสวนยางพารา โดยชาวบ้านช่วยกันนำผ้าใบกั้นไว้สำหรับเป็นที่อาบน้ำแบบง่ายๆ ไว้สำหรับชาวบ้านที่ต้องการนำน้ำในบ่ออาบเพื่อรักษาโรคผิวหนังโดยเฉพาะ โดยการลงไปตักน้ำในบ่อนั้น ชาวบ้านต้องยืนรอคิวกันยาว พร้อมกับน้ำอุปกรณ์หรือถังสำหรับบรรจุน้ำเพื่อนำกลับไปใช้ที่บ้าน โดยไม่มีเก็บเงินค่าใดๆทั้งสิน เพียงจอดรถริมถนนแล้วเดินลงไปที่บ่อก็สามารถลงมาตักน้ำได้ทันที โดยชาวบ้านช่วยกันนำก้อนหินกั้นรอบๆบ่อไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านลื่นล้มลงไปในบ่ออย่างเรียบร้อย

ด้านนพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส หลังทราบข่าวดังกล่าวจึงสั่งการให้สาธารณสุขอำเภอศรีสาคร จ.นราธิวาส นำตัวอย่างน้ำในบ่อไปตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน เนื่องจากเกรงจะมีผลกระทบด้านสุขภาพต่อประชาชนที่มาเก็บน้ำในบ่อไปใช้ หลังจากที่ได้ข้อมูลการตรวจสอบแล้ว จึงเดินทางเข้าพื้นที่เพื่อชี้แจงให้ประชาชนทราบพร้อมแนะนำถึงวิธีการใช้ โดยระบุว่าเรื่องของสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ในฐานะที่เป็นตัวแทนของกระทรวงสาธารณสุขก็พร้อมที่จะมาดูแลในเรื่องของสุขภาพให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องของความเชื่อของประชาชนนั้นเป็นเรื่องปกติ แต่จะทำอย่างไรให้ความเชื่อกับข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์ ใช้ควบคู่กันเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นพ.สมหมาย บุญเกลี้ยง นายแพทย์สาธารณสุข จ.นราธิวาส

นพ.สมหมาย กล่าวอีกว่า สำหรับผลการตรวจพิสูจน์ของน้ำในบ่อแห่งนี้ หากประชาชนจะนำไปใช้ก็ขอให้ใช้แต่ภายนอก เพราะน้ำมีส่วนประกอบที่สามารถรักษาโรคผิวหนังได้จริง คือ กำมะถัน แต่ถ้านำไปดื่มกินนั้นไม่แนะนำ เพราะในน้ำมีแบคทีเรียและอีโคไล ปนเปื้อน ที่คาดว่ามาจากมูลสัตว์ ไม่ใช่ของคนเนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีคนอยู่อาศัย โดยเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวทำให้ท้องร่วงหรือท้องเสียได้ หากประชาชนต้องการจะไปดื่มกิน ซึ่งเป็นเรื่องที่หมอห้ามไม่ได้ ก็ขอให้นำไปตกตะกอนก่อน แล้วค่อยนำไปต้มให้สุกเพื่อฆ่าเชื้อโรค

หลักการในตอนนี้ต้องให้ทางพื้นที่ปรับแต่งภูมิทัศน์ให้อยู่ในสภาพที่ดีและเหมาะสม เนื่องจากสถานที่ดังกล่าวอาจจะเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะการดูแลเรื่องขยะ ส้วม หรือห้องน้ำเพื่อรองรับประชาชนที่จะมาใช้บริการน้ำในสถานที่แห่งนี้ โดยตัวแทนทางจังหวัดนราธิวาสจะลงมาออกแบบการปรับปรุงภูมิทัศน์แห่งนี้ให้ดีขึ้นในอนาคต

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน