เมื่อเวลา 14.30 น.วันที่ 23 เม.ย. ร.ต.อ.สายันต์ คุณรักษ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ.คลองหลวง ไดรับแจ้งฆ่ากันเสียชีวิต ในหมู่บ้านพระปิ่น 7 เฟส 4 บ้านเลขที่ 72/49 ม.9 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี รรท.ผกก.สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.นิมิตร นูโพนทอง รอง ผกก.สส สภ.คลองหลวง พ.ต.ท.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ สว. สส.สภ.คลองหลวง เจ้าหน้าที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้นเนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวา ภายในรั้วบ้านตรงประตูทางออกพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง1 รายทราบชื่อน.ส.พรพรรณ หรือเจ๊สั้น แสนประสิทธิ์ อายุ 47 ปี เจ้าของบ้านและเป็นเจ้าของแผงผักรายใหญ่ที่สุดในตลาดไท มีบาดแผลถูกแทงด้วยอาวุธมีดที่ลำคอ 1 แผล หน้าท้อง 1 แผล มือทั้งสองข้างมีรอยมีดบาดคล้ายลักษณะต่อสู้กันเลือดกระเซ็นอยู่เต็มที่เกิดเหตุ และยังพบกระเป๋าผู้ตายกระจายอยู่ที่ประตูทางเข้า
นอกจากนี้ยังพบอาวุธตกอยู่ในที่เกิด และที่ห้องนอนชั้น 2 บ้าน คนร้ายได้ขโมยอาวุธปืนขนาด.22 แบบแม็กกาซีนของผู้ตายไปด้วย 1 กระบอกและพยายามที่จะเปิดตู้เซฟของผู้ตายด้วย
น.ส.พรพรรณ หรือเจ๊สั้น แสนประสิทธิ์ ผู้เสียชีวิต
จากการสอบถามน.ส.ชมภัคมนธฑ์ แสนประสิทธิ์ 23 ปี ลูกสาวผู้ตายทราบว่า ขณะเกิดเหตุคุณแม่อยู่ที่บ้านคนเดียว โดยที่บ้านทำอาชีพขายผักอยู่ในตลาดไทยและได้มีลูกน้องอยู่หลายคน เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ได้ไล่คนงานชื่อนายที อายุประมาณ 30 ปีสัญชาติกัมพูชาออกไป 1 คน
ลูกสาวผู้ตายร่ำไห้ตอนมาดูศพแม่
น.ส.ชมภัคมนธฑ์กล่าวว่า ต่อมาคุณแม่ได้โทรศัพท์มาหา มีเสียงตะโกนออกมาว่า “อย่าทำกู อย่าทำกู” จากนั้นก็เงียบเสียงไป ตนจึงกลับมาที่บ้านก็พบว่าคุณแม่ถูกฆ่าตาย นอนอยู่หน้าบ้านแล้ว ส่วนเพื่อนบ้านเห็นว่าเมื่อช่วงบ่ายนายที ปีนออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว และได้ไปขึ้นรถบริเวณแถวตลาดไอยราหลบหนีไป
นายที ผู้ต้องสงสัยชาวเขมร
พ.ต.อ.สามารถ ศรีสิริวิบูลย์ชัย กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคนร้ายน่าจะเข้ามาประสงค์ต่อทรัพย์และมีความโกรธแค้นกับผู้ตายอยู่แล้ว จึงได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกายผู้ตายจนเสียชีวิตและได้ขโมยอาวุธปืนของผู้ตายไป แล้วยังรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้านของผู้ตาย ผู้ต้องสงสัยทราบชื่อว่านายที อายุประมาณ 30 ปีสัญชาติกัมฬูชา ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดจับไว้ทุกช่องทางแล้ว สวนผู้เสียชีวิตได้ให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่ง นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง
