กองปราบบุกรวบ เซียนพระกำมะลอ เปิดบัญชีเฟซบุ๊กหลอกขายพระเครื่อง-สร้างหลักฐานเท็จ เหยื่อหลงเชื่อเพียบ สูญกว่า 7 แสนบาท เจอประกาศล่าตัว
วันที่ 21 ม.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. พร้อมด้วย พ.ต.ท.ก่อเกียรติ วุฒิจำนงค์ รอง ผกก.1 บก.ป. และ พ.ต.ท.พลวุฒิ ผาตินุวัติ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม นายวีรพงษ์ หรือ อาม พงษ์กอรปสกุล อายุ 26 ปี ตามหมายจับของศาลจังหวัดสมุทรสาครที่ 398/2562 ลงวันที่ 15 ต.ค.62 ข้อหา “ฉ้อโกง” โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 4 ม.6 ต.ทัพหลวง อ.เมือง จ.นครปฐม
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
คุมตัว เซียนพระกำมะลอ ดำเนินคดีตามกฎหมาย
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2561 นายวีระพงษ์ได้เปิดบัญชีเฟซบุ๊กของตนเองขึ้นมา ก่อนเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊ก “ชมรมพระเครื่องหลวงปู่หลิว” พร้อมอ้างตัวเองเป็น เซียนพระ ประกาศปล่อยเช่าพระเครื่องหลวงปู่หลิว รุ่นปี 37 จำนวน 2 เหรียญ ราคารวม 10,000 บาท โดยมีผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่ามัดจำพระเครื่อง จำนวน 5,500 บาท มายังบัญชีธนาคารของผู้ต้องหา ซึ่งมีการนัดหมายให้มารับสินค้า พร้อมกับจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
แต่เมื่อถึงกำหนดเวลาที่นัดไว้ ผู้เสียหายไม่สามารถติดต่อกับผู้ต้องหาได้อีก เพราะปิดบัญชีเฟซบุ๊กหนี จนผู้เสียหายต้องเข้าแจ้งความที่สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนจนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีมาอยู่ที่จ.นครปฐม จึงเข้าจับกุมไว้ได้ดังกล่าว
จากการสอบสวน นายวีระพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุลักษณะดังกล่าวมาตั้งแต่ต้นปี 2560 จนถึงปัจจุบัน คาดว่าน่าจะมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อมาแล้ว 70-80 ราย ความเสียหายรวมกันไม่น่าต่ำกว่า 7 แสนบาท ส่วนวิธีการก็จะใช้วิธีการเดียวกัน คือสร้างบัญชีเฟซบุ๊กที่ไม่ซ้ำกับชื่อเดิม
เจ้าหน้าที่กองปราบเข้าทำการจับกุมตัวผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง
นายวีระพงษ์ ให้การต่อว่า จากนั้น ก็ส่งภาพพระเครื่องต่าง ๆ ของคนอื่นที่เคยลงประกาศขาย, บัตรประจำตัวประชาชนของตน และภาพสมุดบัญชีธนาคารเป็นชื่อของตนให้เหยื่อดู เพื่อเป็นการสร้างความน่าเชื่อถือ หากมีผู้หลงเชื่อโอนเงินมาเข้าบัญชีแล้ว ก็จะบล็อกเฟซบุ๊กของเหยื่อ และปิดบัญชีเฟซบุ๊กของตนเองทันที ส่วนเงินที่ได้มาก็จะนำไปใช้จ่ายกินเที่ยวต่าง ๆ
จากการตรวจสอบยังพบมีผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก ที่เคยตกเป็นเหยื่อของนายวีระพงษ์ จนโพสต์ประจาน พร้อมประกาศตามหาตัวในเว็บไซต์ประกาศเตือนภัยกลุ่มมิจฉาชีพ ที่หลอกขายของออนไลน์กันเป็นจำนวนมากด้วย นอกจากนี้ เมื่อเดือนเม.ย.2562 ผู้ต้องหาเคยถูกจับกุมคดี “ฉ้อโกง” มาแล้วอีกด้วย ภายหลังการสอบสวนจึงนำตัวส่ง สภ.กระทุ่มแบน ดำเนินคดีต่อไป
