กรมเจ้าท่า ร้องตร. ตรวจสอบศาลาริมน้ำบ้านคนดัง รุกแม่น้ำเจ้าพระยา
รุกแม่น้ำเจ้าพระยา / เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่ สน.บางโพ นายธวัชชัย ฮะประสาร หัวหน้ากลุ่มคดีและบังคับคดี สำนักกฎหมายกรมเจ้าท่า เข้าแจ้งความกับ พ.ต.อ.สุรเดช พจนาวงษ์พานิช ผกก.สน.บางโพ พ.ต.ท.กุศล อ่อนวรรณะ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.บางโพ
ให้ดำเนินการตรวจสอบกรณี มีผู้สร้างศาลาริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหลังห้างแม็กโคร สาขาบางกระบือ ถ.สามเสน แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพฯ หลังพบว่ามีเอกสารการขออนุญาตก่อสร้างถูกต้องตามกฎหมาย แต่กลับก่อสร้างผิดแบบ ไม่เป็นไปตามที่ขออนุญาตไว้โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำนานร่วม 3 ชั่วโมง
นายธวัชชัย เปิดเผยภายหลังการสอบสวนว่า หลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) อนุญาตให้ผู้ปลูกสิ่งก่อสร้างรุกล้ำลำน้ำสาธารณะ สร้างผิดเงื่อนไข โดยไม่ได้รับอนุญาต เข้าไปยื่นหนังสือขออนุญาตใช้พื้นที่กับกรมเจ้าท่า แต่เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว เมื่อมาตรวจตราพบผู้ทีฝ่าฝืนก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
โดยทางกรมเจ้าท่าได้ดำเนินการตรวจสอบตามหน้าที่มาตั้งแต่วันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา จนพบว่ามีศาลาที่ก่อสร้างที่ไม่เป็นไปตามแบบที่ยื่นกับกรมเจ้าท่า จึงรวบรวมพยานหลักฐานมาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ให้ตรวจสอบผู้ครอบครองและตรวจสอบข้อเท็จจริง
หลังจากนี้กรมเจ้าท่าจะลงพื้นที่ไปตรวจวัดว่าเกินจากแบบที่ขออนุญาตไว้เท่าใด โดยลักษณะความผิดนั้นพบว่าศาลามีขนาดเกินจากแบบมาประมาณ 4-5 เมตร ซึ่งการกระทำผิดดังกล่าวมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับตามหน่วยวัดเป็นตารางเมตรที่ก่อสร้างเกินกว่าที่ระบุ และปรับตามวัน ตาม ม.118 ของ พ.ร.บ.การเดินเรือ ส่วนชื่อผู้ครอบครองรายนี้ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ทราบมาว่ามีนักการเมืองท่านหนึ่งมีที่ดินมีบ้านอยู่ในบริเวณนั้นจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองก่อนที่จะมีการอภิปรายหรือไม่ก็บอกว่า เป็นการตรวจตราตามปกติอยู่แล้ว ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งหรือหรือเกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นการตรวจสอบตามปกติของเจ้าหน้าที่
ขณะที่พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผบก.น.1 กล่าวว่า ภายหลังพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เป็นคดีแล้ว จากนี้ตำรวจต้องตรวจสอบใบอนุญาตของผู้ครอบครอง และเอกสารการขออนุญาตก่อสร้าง พร้อมเรียกขอพยานหลักฐานจากกรมเจ้าท่าเพิ่มเติม และสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ก่อนดำเนินการตรวจสอบว่าการก่อสร้างดังกล่าวมีความผิดหรือไม่ แล้วพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าศาลาริมน้ำของบ้านหลังดังกล่าว เป็นของนักการเมืองพรรคฝ่ายค้านคนหนึ่ง และได้เปลี่ยนชื่อผู้ครอบครองบ้านดังกล่าวไปนานแล้ว จึงเกิดกระแสว่าจะเป็นการดิสเครดิตทางการเมือง
