เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 16 พ.ค. ที่กองปราบปราม น.ส.นวพร เต่าทอง หรือดีเจกบ อายุ 37 ปี พร้อมกลุ่มผู้เสียหาย 10 ราย เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายสหรัฐ เวโรจน์ อายุ 34 ปี อดีตแฟนหนุ่ม หลังหลอกให้ร่วมลงทุนธุรกิจการพนันออนไลน์ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 6 ล้านบาท

น.ส.นวพร ให้การว่าเมื่อต้นปีที่แล้วได้รู้จักกับนายสหรัฐแฟนเก่าผ่านทางเฟซบุ๊ก จากนั้นก็คบหากันเป็นแฟน ขณะที่คบกันประมาณ 2 เดือนแรก เขาก็เริ่มชักชวนให้ตนร่วมลงทุนธุรกิจของบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ในต่างประเทศ ในลักษณะการบริจาคเงินแล้วได้รับผลตอบแทนสูงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่เขาไม่ได้บอกรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกิจดังกล่าวชัดเจนมากนัก ด้วยความไว้ใจตนจึงได้ลงทุนไปจำนวน 2 แสนบาท แต่ก็ยังไม่ได้รับเงินกำไรแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เลิกรากันไปก็มาทราบว่าเพื่อนๆ ของตนถูกแฟนเก่าชักชวนให้ร่วมลงทุนด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งบางคนเสียหายตั้งแต่หลักแสนจนถึงหลักล้านบาท จากนั้นเมื่อตนพยายามสอบถามไปเขาก็เงียบหายไม่ตอบกลับจนถึงตอนนี้

ก่อนหน้านี้ก็มีผู้เสียหายกลุ่มใหญ่เข้าแจ้งความไปแล้ว ก็จะมีการลงทุนหลายๆ อย่าง ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าจะต้องบอกดีหรือไม่ เป็นการลงทุนที่เรียกว่า 3 เอ็ม เป็นการลงทุนที่อยู่ในต่างประเทศ เท่าที่ทราบเหมือนเป็นเรื่องของการบริจาค แต่มาทราบภายหลังว่า มีผู้เสียหายจากตรงนี้และอีกหลายๆ รูปแบบ มีการฟ้องร้องแจ้งความ เพื่อนรู้จักดิฉันดีอยู่แล้ว เขาจึงเหมือนใช้ความสนิทตรงนี้มาชักชวนไปลงทุน แต่ไม่มีการให้ผลตอบแทนใดๆ เขาชวนตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559” ดีเจกบ กล่าว

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 40 ปี นักธุรกิจรีไซเคิลขยะ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้รับการแนะนำจากเพื่อนว่ามีบริษัท SWE smart wealth club จัดสัมมนาการลงทุนทางเว็บไซต์ จึงเข้าไปดูรายละเอียดและศึกษาลักษณะการลงทุนของบริษัทดังกล่าว เมื่อเห็นว่าน่าสนใจจึงเข้าร่วมฟังการอบรมที่โรงแรมแห่งหนึ่งย่านรัชดาฯ เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่ผ่านมา เมื่อไปถึงก็ได้รับการชักชวนให้ร่วมลงทุนธุรกิจการพนันออนไลน์กับบริษัทแห่งหนึ่งที่อยู่ในประเทศบัลแกเรีย โดยเขาอ้างว่าจะได้เปอร์เซ็นต์ตามจำนวนที่ลงทุน ตนจึงลองลงทุนไป 1 แสนบาท ได้เงินปันผล 10,000 บาทต่อเดือน เมื่อเห็นว่าได้กำไรดี จึงนำเงินมาลงทุนเพิ่มอีก 1 ล้านบาท

กระทั่งพักหลังเขาไม่จ่ายเงินปันผลตามที่กล่าวอ้าง เมื่อตนขอถอนเงินที่ลงทุนไปทั้งหมดคืน เขากลับผัดผ่อนและบอกว่าจะย้ายเงินลงทุนไปอีกบริษัทหนึ่ง กระทั่งติดต่อไม่ได้ จึงเดินทางเข้าร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ.เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว กระทั่งมาทราบว่ามีผู้ถูกหลอกลวงหลายรายจึงรวมตัวกันมาแจ้งความดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อยากฝากเตือนผู้ที่จะร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวขณะนี้ทราบมาว่ามีอดีตผู้บริหารของบริษัทยูฟันฯ เข้ามาร่วมบริหารอีกด้วย

เบื้องต้นพ.ต.อ.ชาคริต ได้สอบปากคำผู้เสียหายทั้งหมดไว้ ก่อนประสาน ดีเอสไอเพื่อดำเนินการต่อไป อย่างไรก็ตาม อยากฝากประชาชนว่าหากเจอการชักชวนลักษณะดังกล่าวโดยใช้ผลกำไรมาชักจูงอย่าได้หลงเชื่อเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการหลอกลวง ทั้งนี้หากประชาชนท่านใดถูกหลอกลวงลักษณะดังกล่าวให้เข้ามาแจ้งความเพิ่มเติมที่กองปราบปรามได้ตลอดเวลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน