เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายสุรพงษ์ สิทธิกรณ์ ทนายความของพระมหาศาสนมุนี หรือหลวงพี่แป๊ะ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ และเลขานุการส่วนตัวสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำฯ ผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เดินทางเข้ายื่นเอกสารคำเบิกความของพนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมขนส่งจังหวัดอ่างทอง ต่อศาลตลิ่งชัน กรณีการเสียภาษีในการซื้อขายรถโบราณ ยี่ห้อเมอร์เซเดสเบนซ์ ทะเบียน ขม99 กรุงเทพมหานคร ต่อพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายวิชาญ รัษฐปานะ เจ้าของอู่วิชาญ ที่รับจ้างประกอบรถโบราณคันดังกล่าว

201610051619401-20150129150635

นายสุรพงษ์ กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา พระมหาศาสนมุนี เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา มีไว้ในครอบครองรถยนต์โดยรู้ว่าเป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน ตามพ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ.2527 หลังมีส่วนเกี่ยวข้องกับรถโบราณคันดังกล่าว ซึ่งเป็นรถที่หลบเลี่ยงภาษี โดยคดีดังกล่าว ดีเอสไอดำเนินคดีกับพระมหาศาสนมุนีที่เป็นเพียงผู้ซื้อ แต่กลับไม่ดำเนินคดีกับนายวิชาญ ซึ่งเป็นผู้จดประกอบและขายรถคันดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ตนได้รับหนังสือจากดีเอสไอแล้ว โดยชี้แจงว่าอยู่ระหว่างการสอบสวน

ทั้งนี้ ตามหลักความเป็นจริงดีเอสไอควรจะสืบทราบขั้นตอนก่อน ว่าการเสียภาษีรถดังกล่าวมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ แต่กลับมาเอาผิดผู้ซื้อ จึงถือว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งคำให้การของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่กรมขนส่งจังหวัดอ่างทองต่อศาลตลิ่งชัน มีเนื้อหาระบุว่าการซื้อขายรถหากได้รับเพียงคู่มือจดทะเบียนรถทั่วไป แล้วผู้ครอบรถจะไม่สามารถตรวจสอบได้ว่ารถยนต์คันดังกล่าวมีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ จึงเป็นหลักฐานที่จะมายื่นให้กับดีเอสไอดำเนินคดีกับนายวิชาญด้วย พร้อมยืนยันว่าหลวงพี่แป๊ะไม่ได้มีเจตนาที่จะซื้อรถที่เลี่ยงภาษี จึงเดินทางมาเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจในวันนี้

ทั้งนี้ พ.ต.ท.กรวัชร์ ได้ลงมารับเอกสารด้วยตนเอง และจะนำไปพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 11 ต.ค.นี้ ศาลจังหวัดตลิ่งชันก็จะมีการสืบพยานของนายวิชาญ เพื่อประกอบคำพิจารณาคดีต่อไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน