เอาคืน! ทนายตั้ม แจ้งความกลับตร.ไม่รับมอบตัว ลั่นโดนแกล้งขอพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เผยเตรียมขอคัดรายงานเอกสารในศาล ดูว่าใครเป็นคนยุยงให้พยานกลับคำพูด

ทนายตั้ม / กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร หลังมีกระแสข่าวว่าทาง สภ.กระทุ่มแบน จะขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรสาครออกหมายจับ ในข้อหา “นำสืบหลักฐานเท็จ” โดยมี พ.ต.ท.พีรวุฒิ พีระวุฒิพันธุ์ รองผู้กำกับการสอบสวนฯ หัวหน้าสอบสวน สภ.กระทุ่มแบน เป็นผู้รับมอบตัว เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 6 ก.พ. ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ใช้เวลาในการสอบปากคำทนายษิทรา นานกว่า 3 ชั่วโมง ในคดีที่เกี่ยวกับยาเสพติดมาตรา 100/2 ข้อหา “นำสืบพยานหลักฐานเท็จ” จนในที่สุดก็แล้วเสร็จ ส่วนทางด้านของทีมงานทนายษิทรานั้น ก็หอบเงินสดมาเตรียมพร้อมขอยื่นประกันตัว ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอนุมัติให้ประกันตัวไปในวงเงิน 100,000 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ทนายษิทราให้ปากคำเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็เข้าแจ้งความต่อเจ้าพนักงานสอบสวน ถึงการละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของรองผกก. นายหนึ่ง ตามมาตรา 157 ว่าด้วย ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อคืนวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.00 น. นายษิทราเดินทางเข้ามาแสดงตนขอมอบตัวต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.กระทุ่มแบนแล้ว หลังจากที่ทราบว่าตนเองถูกออกหมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาคร แต่ปรากฏว่าเมื่อมาถึงสภ.กระทุ่มแบน กลับไม่มีตำรวจคนไหนออกมารับมอบตัว ทั้งๆ ที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คนดังกล่าว ก็อยู่ในบริเวณดังกล่าวด้วย โดยอ้างเหตุว่า หมายจับศาลจังหวัดสมุทรสาครยังมาไม่ถึง และหมายจับยังไม่เรียบร้อยต้องแก้ไขเอกสารเพิ่มเติม ทำให้นายษิทราต้องเดินทางกลับบ้านไปก่อน จนกระทั่งในช่วงเช้าปรากฎว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนฯ นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจค้นที่สำนักงานทนายความของนายษิทรา เพื่อควบคุมตัวบุคคลตามหมายจับ ทำให้นายษิทราและผู้ที่เกี่ยวข้องเกิดความเสียหาย และเสื่อมเสียชื่อเสียง ดังนั้น จึงต้องการให้ดำเนินคดีกับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับรองผกก. (สอบสวน) คนดังกล่าว

นายษิทรา กล่าวว่า ตนไม่ได้คิดหนีไปไหน และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 5 ก.พ. เวลา 10.38 น. ตนก็เข้ามาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วที่ สภ.กระทุ่มแบนว่า “ผู้แจ้งถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน โดยที่ผู้แจ้งมีภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอกระทุ่มแบน และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง หากมีการดำเนินคดีต่อผู้แจ้ง ผู้แจ้งยืนยันว่าจะมาตามหมายเรียกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยสามารถประสานได้ที่เบอร์ 087-623-9999 แล้วขอให้สิบเวรรายงานผู้กำกับสถานี เพื่อทราบถึงความประสงค์ของผู้แจ้งด้วย”

ต่อมาก็ยังเดินทางมาแสดงตน เพื่อขอเข้ามอบตัวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา แต่ตำรวจไม่รับมอบและไม่ยอมควบคุมตัว ทั้งๆ ที่มีหน้าที่ในการที่จะต้องรับมอบตัวไว้ ไม่ควรที่จะมีข้ออ้างใดๆ ส่วนนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายนั้นได้เดินหนีไป ซึ่งตนเชื่อว่ามีการกลั่นแกล้งกัน จนมาในช่วงเช้าตำรวจนำหมายค้นเข้าตรวจค้นที่สำนักงานฯของตน ทำให้เกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงแจ้งความกลับแล้ว ไปพิสูจน์กับทางปปช. กันต่อไป

นายษิทรา กล่าวต่อว่า ขอยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหาใส่ร้ายในทุกๆ เรื่อง ตนเชื่อมั่นว่าตนถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้กระทำความผิดใดๆ ในคดีที่รับผิดชอบ อีกทั้งทางตำรวจก็ยังไม่มีการเรียกตนมาสอบปากคำ แต่กลับออกหมายจับเลย ทั้งๆ ที่ตนมาลงบันทึกประจำวันไว้แล้วว่า สามารถเรียกมาได้ตลอดเวลา จึงเห็นว่าการกระทำแบบนี้เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ตนรู้แล้วว่า ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาอะไรบ้าง

หลังจากนี้ก็จะเดินทางไปขอคัดรายงานเอกสารในศาลทั้งหมดเพื่อตรวจดูว่า ใครเคยเบิกความไว้ว่าอย่างไร แล้วมาพลิกเพราะใคร ใครเป็นคนยุยงให้พยานกลับคำพูด ซึ่งทุกอย่างมีในศาลแล้วและคดีก็ถึงที่สุดแล้ว แต่จะไปบอกว่าเรื่องที่พูดเป็นเรื่องโกหก อันนี้ก็ต้องไปพิสูจน์กัน

“ผมนั้นทำใจแล้วว่า ยังคงโดนอีกหลายคดี แต่ยังไงก็ต้องสู้กันต่อไปถึงศาลยุติธรรม ผมจะไม่หนีและไม่มีพฤติกรรมที่จะหลบหนีอย่างแน่นอน ทั้งนี้ก็ขอให้ทุกคนได้ติดตามดูว่า ทางคนไม่มีอาชีพต้องการเล่นงานผมในคดีอะไรบ้างและเป็นคดีซ้ำๆ เพื่อให้สังคมมองผมไปในแบบไหน ซึ่งกว่าจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้คงต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ก็ยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับคนไม่มีอาชีพ และทุกคนที่ร่วมกันใส่ร้ายผมให้ถึงที่สุด” ทนายษิทรา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน