‘ในหลวง’ ทรงห่วงใยผู้บาดเจ็บ-เสียชีวิต จากเหตุจ.ส.อ.คลั่ง กราดยิงโคราช โปรดเกล้าฯ ให้องคมนตรี เยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่รพ. ช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต
กราดยิงโคราช / เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 9 ก.พ. นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมด้วย พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2, พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และ นายแพทย์นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ร่วมกันแถลงข่าวสรุปเหตุการณ์ ทหารคลั่งกราดยิงกลางเมืองโคราชจนมีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาห่วงใยผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ จึงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าให้องคมนตรี ทั้ง 3 ท่าน มาเยี่ยมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลทั้ง 3 แห่ง และช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกด้วย และในวันเดียวกันนี้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีบินด่วนมาเยี่ยมผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บที่โรงพยาบาลค่ายสุรนารี,โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและเยี่ยมปลอบขวัญญาติผู้เสียชีวิตอีกด้วย
พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ขอขอบคุณกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งภาครัฐและเอกชนที่มีส่วนร่วมในการคลี่คลายเหตุการณ์ครั้งนี้ จนผ่านพ้นไปด้วยดี และตนก็ขอแสดงความเสียใจให้กับญาติผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บด้วย ซึ่งทางกองทัพภาคที่ 2 ก็จะดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตต่อไป
พล.ต.ท.พูนทรัพย์ ประเสริฐศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 กล่าวว่า เมื่อเวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่วิสามัญคนร้ายที่ก่อเหตุจนเสียชีวิต เพราะคนร้ายต่อสู้และขัดขืนการจับกุมของเจ้าพนักงาน ส่วนตัวประกันที่คนร้ายจับไว้และได้รับบาดเจ็บเจ้าหน้าที่ลำเลียงส่งไปรักษาให้กับโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาแล้ว และหลังจากนี้ตำรวจชุดอีโอดี และตำรวจพิสูจน์หลักฐาน รวมถึงพนักงานสอบสวนเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านนพ.นรินทร์รัชต์ พิชญคามินทร์ สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา ยืนยันว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บจำนวนมาก ในจำนวนนี้แบ่งเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 20 ราย และกลับบ้านแล้ว 22 ราย
